Wednesday, April 1, 2020

Golden Window of opportunity for growth - giving nutrients


Golden Window of opportunity for growth - giving nutrients

      45 นาที หลังการเล่นกล้ามเสร็จ คือช่วงเวลาที่ดีที่สุด ที่เราจะต้องทาน "อาหารหลัก" ( ไม่ใช่อาหารเสริม )

       เหตุผลก็เพราะว่า ถ้าเราทานอาหารที่มีทั้งคาร์โบไฮเดรต และโปรตีน ในช่วงเวลา 45 นาทีหลังการเล่นกล้ามนี้  ระบบของร่างกายจะนำคาร์โบไฮเดรตที่เราทานในช่วง 45 นาทีนี้นั้น ไปทำปฏิกิริยาเคมีในการสังเคราะห์โปรตีนที่เราทานมาทั้งวัน ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อนำโปรตีนพวกนั้นไปใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อร่างกายโดยรวมทั้งหมด


       ผมขอวิเคราะห์เกี่ยวกับเรื่องนี้นิดนึงครับ ก่อนอื่น ผมถามคำถามหลักก่อนว่า ถ้าคุณต้องการจะประสบความสำเร็จในการเพาะกาย แล้วคุณต้องเลือกเชื่อทางใดทางหนึ่งดัง ระหว่างตัวเลือกสองทางจากข้างล่างนี้คือ

       นักวิชาการ เกี่ยวกับเรื่องโภชนาการของนักเพาะกาย ที่เน้นเรื่อง "ทฤษฏี" - ซึ่งเขาเหล่านั้น "ไม่เคยขึ้นประกวดเพาะกายเลย ไม่มีประสบการณ์ใดๆเกี่ยวกับการขึ้นประกวดเลย" พวกนี้เอาแต่นั่งอยู่กับโต๊ะ แล้วก็ดูเอกสารงานวิจัยโน้น งานวิจัยนี้ ดูส่วนประกอบทางเคมีของสารอาหาร ฯลฯ / ซึ่งชี้ชัดได้ว่า นักวิทยาศาสตร์ หรือนักโภชนาการ ระดับปริญญาเอก เช่น ด๊อกเตอร์จิม สทอพพานี่ ก็ไม่ได้เป็นแชมป์โลก ทั้งๆที่ความรู้ก็เต็มสมอง งานวิจัย งานวิชาการ ทุกอย่างเกี่ยวกับการเพาะกาย ( ที่เป็นไปในทางทฤษฏี ) ก็เต็มสมองของเขา แต่ทำไมเขาไม่พิสูจน์ทฤษฏีของเขา ด้วยการเอาความรู้ต่างๆเหล่านั้น มาปั้นให้ตัวเขาเองได้เป็นแชมป์โลกเพาะกาย


       นักเพาะกายระดับแชมป์ ตัวจริง เสียงจริง ที่เน้นการ "ปฏิบัติ" มากกว่าเรื่อง ทฤษฏี - นักเพาะกายพวกนี้ จะเชื่อ "ครู" รุ่นเก่าๆที่เคยลองผิดลองถูกก่อนหน้านี้ แล้วถ่ายทอดความรู้ต่อๆกันมา ซึ่งผลของการ "เชื่อครูรุ่นโบราณ มากกว่าเชื่อผลการวิจัยโน่น วิจัยนี่ ในปัจจุบัน" กลับทำให้นักเพาะกายพวกนี้ประสบความสำเร็จ และได้เป็นแชมป์โลกกันมากมาย

       ย้อนกลับมาที่คำถามของผมใหม่ ก็คือว่า ถ้าคุณต้องการจะประสบความสำเร็จในการเพาะกาย คุณควรเชื่อใครระหว่างสองคนข้างบนนี้? คำตอบของผมคือ ผมจะเชื่อผู้ปฏิบัติ ซึ่งหมายถึง ตัวนักเพาะกายมากกว่าน่ะครับ

       คราวนี้ เมื่อมันมีประเด็นหนึ่งขึ้นมา คือเรื่องอาหารเสริม หรืออาหารที่ทาน หลังการฝึก ควรจะเป็นแบบไหน?

       
นักวิชาการทั้งหลาย พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า อัตราการทานเวย์โปรตีน ก่อนฝึกและหลังฝึก จะต้องเป็น 20 ต่อ 40 คือก่อนฝึกให้ทานเวย์โปรตีน 20 กรัม และหลังฝึกต้องทานเวย์โปรตีน 40 กรัม / ทั้งๆที่รู้ว่า การทานเวย์โปรตีนหลังฝึกมากถึง 40 กรัมนั้น ย่อมกระทบต่อการทานอาหารหลัก ( solid food ) ที่นักเพาะกายต้องทานภายใน 45 นาทีแน่ๆ / นั่นหมายความว่า นักวิชาการทั้งหลาย ไม่สนใจเรื่อง "ประตูทองแห่งการรับสารอาหารจากมื้อหลัก" นี้แต่อย่างใดเลย เขาถึงบอกให้ทานเวย์หลังการฝึกให้ได้ 40 กรัม ( คือต้องทานในอัตราส่วนที่มากกว่าตอนก่อนเริ่มลงมือเล่นกล้าม )

       ดังนั้น ตรงนี้สรุปก่อนว่า นักวิชาการสมัยใหม่ ไม่สนใจเรื่อง "ประตูทองแห่งการรับสารอาหารจากมื้อหลัก" แต่อย่างใดเลย โดยจะเห็นได้จากการเอางานวิจัย มาโน้มน้าวให้คนทานเวย์โปรตีนหลังการฝึก ในปริมาณการทานที่มากกว่าก่อนฝึก


       คราวนี้ มาดูพวกนักเพาะกายตัวจริง เสียงจริง กันบ้าง ว่าเขามีแนวคิดอย่างไร / นักเพาะกายตัวจริง เสียงจริง จะมีแนวคิดว่า เวย์โปรตีน เป็นแค่อาหารเสริม ส่วนอาหารมื้อหลัก เป็นวัตถุดิบที่เราจะต้องใช้จริงๆ / แล้วหลักการก็มีอยู่ว่า ต้องทานอาหารมื้อหลักภายใน 45 นาทีหลังการฝึก "สั้นๆแค่นี้"

       คำว่า "สั้นๆแค่นี้" ก็หมายความว่า หลังการฝึกนี้ คุณไม่ต้องทานอาหารเสริมใดๆเลยก็ได้ ( เวย์โปรตีนก็คืออาหารเสริม ) เพราะหลักการของแชมป์ทั้งหลายคือ ต้องทานอาหารมื้อหลักภายใน 45 นาทีหลังการฝึก สั้นๆแค่นี้ ( เน้นคำว่า "สั้นๆแค่นี้" อีกทีหนึ่ง )

       ดังนั้น ตรงนี้สรุปได้ว่า นักเพาะกายตัวจริง เสียงจริงทั้งหลาย จะเน้นเรื่อง "ประตูทองแห่งการรับสารอาหารจากมื้อหลัก" โดยไม่ต้องใช้อาหารเสริมใดๆหลังการฝึกเลยก็ได้ ( ในขณะที่นักวิชาการ จะมีความคิดตรงข้ามกันคือ ไม่เน้น "ประตูทองแห่งการรับสารอาหารจากมื้อหลัก" แต่เน้นเรื่องการให้ทานเวย์โปรตีน ( ซึ่งเป็นอาหารเสริม ) ในปริมาณที่มากกว่าก่อนลงมือเล่นกล้าม โดยไม่สนใจว่าการทานเวย์โปรตีนหลังฝึกในปริมาณมากนั้น จะทำให้ทานอาหารมื้อหลักได้น้อยลง )


       จากข้อสรุป 2 ข้อข้างบนนี้ ( ข้อสรูปของนักวิชาการ และข้อสรุปของนักเพาะกายตัวจริงเสียงจริง ) คุณจะเลือกเชื่อใคร? ถ้าคุณเลือกเชื่อนักวิชาการ ก็แสดงว่าคุณ "หัก" คำสอนของนักเพาะกายตัวจริงเสียงจริง / แต่ถ้าคุณเชื่อนักเพาะกายตัวจริง เสียงจริง ก็แสดงว่าคุณ "หัก" งานวิจัยของนักวิชาการ

แล้วทางออกคืออะไร?

       ทางออกที่ผมแนะนำก็คือ ให้คุณทานเวย์หลังการฝึกให้น้อยกว่าก่อนฝึก ด้วยเหตุผลดังนี้คือ

       1.มันจะไม่หักงานวิจัยมากเกินไป - คือหมายความว่า หลังการฝึก คุณก็ยังทานเวย์โปรตีน ซึ่งนักวิชาการย้ำหนักย้ำหนา ว่าสำคัญต่อการเล่นกล้าม / คือผลของงานวิจัยเต็มๆ มี 2 ข้อคือ ข้อหนึ่ง คุณต้องทานเวย์โปรตีนหลังการฝึก ,ข้อสอง เวย์โปรตีนที่ทานนั้น คุณจะต้องทานในอัตราส่วน 20 - 40 คือก่อนเล่นให้กิน 20 กรัม หลังเล่นให้กิน 40 กรัม / คราวนี้ คุณก็ง้างงานวิจัยแค่ข้อ 2 ข้อเดียว คือให้คุณกินเป็น 40 - 20 แทน คือก่อนเล่นกล้าม ให้ทานเวย์โปรตีน 40 กรัม แต่ให้กินก่อนเล่นกล้ามสักครึ่งชั่วโมง จะได้ไม่อิ่มเกิน / แล้วพอหลังเล่นกล้ามก็กินแค่ 20 กรัม ( ซึ่งการทำอย่างนี้ ก็ทำให้คุณรักษางานวิจัยไว้ได้ 1 ข้อ ตรงที่ว่า หลังฝึกต้องทานเวย์โปรตีน )

       2.จากการง้างงานวิจัย ด้วยการทานเวย์โปรตีนหลังฝึกในปริมาณน้อยกว่าการทานก่อนการฝึก - ก็จะทำให้กระเพาะคุณมีพื้นที่มากพอ ที่จะทานอาหารมื้อหลัก solid food ได้อย่างเป็นปกติ ภายใน 45 นาที / ซึ่งการทานอาหารมื้อหลักได้มากเป็นปกติ ( เพราะไม่รับเวย์โปรตีนหลังฝึกมากเกินไป ) ก็เป็นไปตามตำราที่ "ครู" ของนักเพาะกายรุ่นเก่าๆเขาสอนๆกันมา และพิสูจน์คำสอนของครูรุ่นเก่าๆ ด้วยการที่ ผู้ที่เชื่อครู ( มากกว่าเชื่อนักวิชาการ ) ก็ได้เป็นแชมป์โลกเพาะกายมานับไม่ถ้วนแล้ว นั่นเองครับ 

- END -