Wednesday, April 29, 2020
Press Down
Press Down
ตามปกติ เวลาที่ต้นฉบับภาษาอังกฤษพูดถึงท่า Press Down นั้น เขาจะระบุรายละเอียดให้เลยว่า ในการทำท่า Press Down นั้น ใช้ที่จับ ( Handle ) แบบไหน ( คือ เป็นเชือก หรือบาร์ตัววี หรือบาร์สั้นตรง - ตามลำดับ )
แต่ก็มีบางกรณีที่ต้นฉบับพูดแต่เพียงว่า ให้บริหารไทรเซบด้วยท่า Press Down โดยไม่ระบุว่าให้ใช้ที่จับ ( Handle ) แบบไหน / นั่นก็หมายความว่า เราสามารถเลือกท่าใดท่าหนึ่งในท่าข้างล่างนี้ มาบริหารได้เลยครับ
Press Downs with Rope
Press Downs with V Bar
Press Downs with Bar
- END -
Monday, April 27, 2020
Bent - Knee Incline Board Leg Raises
Bent - Knee Incline Board Leg Raises
จังหวะที่ 1 เอาหลังนอนลงไปบนกระดานเอียง ให้ศีรษะอยู่สูงกว่าปลายเท้า หาที่สำหรับให้มือจับไว้ เช่นบริเวณที่ว่างของกระดานเอียงทางด้านบนศีรษะเรา งอหัวเข่าไว้
จังหวะที่ 2 ค่อยๆยกหัวเข่าขึ้นมา พร้อมกับเริ่มหายใจออก จนยกหัวเข่าขึ้นมาสูงที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว ก็จะหายใจออกหมดปอดพอดี นับว่า "1"
ค่อยๆผ่อนหัวเข่ากลับลงอย่างช้าๆ พร้อมกับเริ่มหายใจเข้า จนกระทั่งกลับไปอยู่ในจังหวะที่ 1 แล้ว ก็หายใจเข้าเต็มปอดพอดี
บริหารซ้ำตั้งแต่เริ่ม แล้วนับต่อไป โดยให้นับในจังหวะที่ 2 จนครบจำนวนครั้งที่กำหนดไว้ เช่นครบ 20 ครั้ง ก็ถือเป็น 1 เซท พักระหว่างเซท 1 นาทีแล้วเริ่มบริหารเซทต่อไป
- END -
Tuesday, April 21, 2020
Vertical Leg Press Machine
Vertical Leg Press Machine
( หน้าเว็บนี้ กำลังอยู่ในระหว่างการปรับปรุงครับ )
Vertical Bench Leg Raises
Vertical Bench Leg Raises
( หน้าเว็บนี้ กำลังอยู่ในระหว่างการปรับปรุงครับ )
Power Tower Dip Station Pull Up Bar for Home
Power Tower Dip Station Pull Up Bar for Home
( หน้าเว็บนี้ กำลังอยู่ในระหว่างการปรับปรุงครับ )
Tricep Cable Attachment - V Bar
Tricep Cable Attachment - V Bar
( หน้าเว็บนี้ กำลังอยู่ในระหว่างการปรับปรุงครับ )
Tricep Cable Attachment - Rope
Tricep Cable Attachment - Rope
( หน้าเว็บนี้ กำลังอยู่ในระหว่างการปรับปรุงครับ )
Tricep Cable Attachment - Curl Bar
Tricep Cable Attachment - Curl Bar
( หน้าเว็บนี้ กำลังอยู่ในระหว่างการปรับปรุงครับ )
Standing Leg Curl's Foot Plate
Standing Leg Curl's Foot Plate
( หน้าเว็บนี้ กำลังอยู่ในระหว่างการปรับปรุงครับ )
Standing Leg Curl Machine
Standing Leg Curl Machine
( หน้าเว็บนี้ กำลังอยู่ในระหว่างการปรับปรุงครับ )
Standing Calf Raise Machine
Standing Calf Raise Machine
( หน้าเว็บนี้ กำลังอยู่ในระหว่างการปรับปรุงครับ )
Standing Calf Raise Machine's Shoulder Pads
Standing Calf Raise Machine's Shoulder Pads
( หน้าเว็บนี้ กำลังอยู่ในระหว่างการปรับปรุงครับ )
Standing Calf Raise Machine's foot rest ( platform )
Standing Calf Raise Machine's foot rest ( platform )
( หน้าเว็บนี้ กำลังอยู่ในระหว่างการปรับปรุงครับ )
Shoulder Press Plate Loadded Machine
Shoulder Press Plate Loadded Machine
( หน้าเว็บนี้ กำลังอยู่ในระหว่างการปรับปรุงครับ )
Seated Calf Raise Machine
Seated Calf Raise Machine
( หน้าเว็บนี้ กำลังอยู่ในระหว่างการปรับปรุงครับ )
Seated Cable Row with Pad Against Chest
Seated Cable Row with Pad Against Chest
( หน้าเว็บนี้ กำลังอยู่ในระหว่างการปรับปรุงครับ )
Seated cable rows's foot plate
Seated cable rows's foot plate
( หน้าเว็บนี้ กำลังอยู่ในระหว่างการปรับปรุงครับ )
Rack for Barbell from Bench Press Bench
Rack for Barbell from Bench Press Bench
( หน้าเว็บนี้ กำลังอยู่ในระหว่างการปรับปรุงครับ )
Pec Deck Machine with Pads
Pec Deck Machine with Pads
( หน้าเว็บนี้ กำลังอยู่ในระหว่างการปรับปรุงครับ )
Pec Deck Machine with Handles
Pec Deck Machine with Handles
( หน้าเว็บนี้ กำลังอยู่ในระหว่างการปรับปรุงครับ )
Monday, April 20, 2020
Overhead Cable and Pulley
Overhead Cable and Pulley
( หน้าเว็บนี้ กำลังอยู่ในระหว่างการปรับปรุงครับ )
Nautilus Triceps Extensions
Nautilus Triceps Extensions
( หน้าเว็บนี้ กำลังอยู่ในระหว่างการปรับปรุงครับ )
Nautulus Plate-Loaded Pull - Over
Nautulus Plate-Loaded Pull - Over
( หน้าเว็บนี้ กำลังอยู่ในระหว่างการปรับปรุงครับ )
Lying Down Leg Curl Machine
Lying Down Leg Curl Machine
( หน้าเว็บนี้ กำลังอยู่ในระหว่างการปรับปรุงครับ )
Leg Extension / Leg Curl Machine
Leg Extension / Leg Curl Machine
( หน้าเว็บนี้ กำลังอยู่ในระหว่างการปรับปรุงครับ )
Lateral raise Machine with Pads
Lateral raise Machine with Pads
( หน้าเว็บนี้ กำลังอยู่ในระหว่างการปรับปรุงครับ )
Sunday, April 19, 2020
Incline Machine Chest Press
Incline Machine Chest Press
( หน้าเว็บนี้ กำลังอยู่ในระหว่างการปรับปรุงครับ )
Hyper Extension Abdomen & Back
Hyper Extension Abdomen & Back
( หน้าเว็บนี้ กำลังอยู่ในระหว่างการปรับปรุงครับ )
Horizontal Leg Press Machine
Horizontal Leg Press Machine
( หน้าเว็บนี้ กำลังอยู่ในระหว่างการปรับปรุงครับ )
Hammer Strength Seated Row Machine
Hammer Strength Seated Row Machine
( หน้าเว็บนี้ กำลังอยู่ในระหว่างการปรับปรุงครับ )
Hammer Strength Lat Pulldowns
Hammer Strength Lat Pulldowns
( หน้าเว็บนี้ กำลังอยู่ในระหว่างการปรับปรุงครับ )
Hammer Strength Iso-Lateral Low Row
Hammer Strength Iso-Lateral Low Row
( หน้าเว็บนี้ กำลังอยู่ในระหว่างการปรับปรุงครับ )
Hammer Strength Iso-Lateral D.Y.Row
Hammer Strength Iso-Lateral D.Y.Row
( หน้าเว็บนี้ กำลังอยู่ในระหว่างการปรับปรุงครับ )
Hammer strength Incline bench presses machine
Hammer strength Incline bench presses machine
( หน้าเว็บนี้ กำลังอยู่ในระหว่างการปรับปรุงครับ )
Hammer strength bench presses machine
Hammer strength bench presses machine
( หน้าเว็บนี้ กำลังอยู่ในระหว่างการปรับปรุงครับ )
Foot pad on an assisted pullup / dip machine
Foot pad on an assisted pullup / dip machine
( หน้าเว็บนี้ กำลังอยู่ในระหว่างการปรับปรุงครับ )
Floor - Lever Cable and Pulley
Floor - Lever Cable and Pulley
( หน้าเว็บนี้ กำลังอยู่ในระหว่างการปรับปรุงครับ )
E-Z Tricep Bicep Bar Attachment
E-Z Tricep Bicep Bar Attachment
( หน้าเว็บนี้ กำลังอยู่ในระหว่างการปรับปรุงครับ )
Cable Cross Over - Low Pulley
Cable Cross Over - Low Pulley
( หน้าเว็บนี้ กำลังอยู่ในระหว่างการปรับปรุงครับ )
Cable Cross Over - High Pulley
Cable Cross Over - High Pulley
( หน้าเว็บนี้ กำลังอยู่ในระหว่างการปรับปรุงครับ )
Bench Press Multi Home Gym with Butterfly
Bench Press Multi Home Gym with Butterfly
( หน้าเว็บนี้ กำลังอยู่ในระหว่างการปรับปรุงครับ )
Atlantis Pulldown Station
Atlantis Pulldown Station
( หน้าเว็บนี้ กำลังอยู่ในระหว่างการปรับปรุงครับ )
Ankle Strap for Cable Machines
Ankle Strap for Cable Machines
( หน้าเว็บนี้ กำลังอยู่ในระหว่างการปรับปรุงครับ )
Adjustable Flat-Incline-Decline-Bench
เตียงปรับหัวได้ ( ไม่มีที่ยกน้ำหนัก )
( หน้าเว็บนี้ กำลังอยู่ในระหว่างการปรับปรุงครับ )
Adjustable back pad bench with rack
Adjustable back pad bench with rack
เตียงยกน้ำหนักปรับหัวได้ แบบไม่มีที่บริหารขา
![]() |
( ภาพบน ) เตียงยกน้ำหนักปรับหัวได้ แบบไม่มีที่บริหารขา |
ส่วนของเบาะที่เป็น "ที่รองรับ ศีรษะ ,หลัง และก้น ของผู้บริหาร" จะแยกเป็นสองส่วน ,ส่วนล่างของเบาะ คือส่วนที่มีไว้สำหรับรองรับ ก้น ของผุ้บริหาร / ส่วนบนของเบาะ คือส่วนที่มีไว้สำหรับรองรับ ศีรษะ และหลัง ของผู้บริหาร
ในส่วนบนของเบาะ ที่มีไว้สำหรับรองรับ ศีรษะ และหลัง ของผู้บริหาร นั้น สามารถปรับระดับได้หลายระดับ คือ ระดับที่ขนานกับพื้น ,ระดับที่ทำมุน 30 องศากับพื้น ,ระดับที่ทำมุม 45 องศากับพื้น หรืออาจจะปรับระดับองศาได้หลายรูปแบบมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับ รุ่นที่ผลิต ของบริษัทผู้ผลิตแต่ละยี่ห้อ
ที่บริเวณส่วนหัวของอุปกรณ์ จะมีโครงสร้างเป็นเหล็กสองอันที่ถูกสร้างขึ้นมาให้ "ตั้งฉาก" กับพื้น และถูกเชื่อมต่อเอาไว้กับตัวเตียง / มีระยะห่างระหว่างแท่งเหล็กทั้งสองอันนี้ ประมาณ 60 เซนติเมตรขึ้นไป / เราเรียกโครงสร้างเหล็กทั้งสองอันนี้ว่า Rack หรือ ที่สำหรับวางบาร์เบลล์
การที่ Rack หรือ ที่สำหรับวางบาร์เบลล์ มีลักษณะตั้งฉากกับพื้น จะทำให้เหล็กทั้งสองอัน สามารถรองรับน้ำหนักบาร์เบลล์ได้มาก โดยที่จะไม่ทำให้เหล็กทั้งสองงอ หรือเสียหายได้ เหตุผลก็เพราะแรงกด ซึ่งหมายถึงน้ำหนักของบาร์เบลล์ที่กดลงมา จะวิ่งลงสู่พื้นโดยตรง ด้วยความที่ Rack ตั้งฉากกับพื้นนั่นเอง
![]() |
( ภาพบน ) ขนาดของอุปกรณ์ |
* * * ก. - ความสูงของ Rack หรือช้นวางบาร์เบลล์ คือ 100 ซม.
* * * ข. - ระยะห่างของ Rack ทั้ง 2 อัน คือ 60 ซม.
* * * ค. - ความสูงของเตียง ( จากพื้น ) คือ 54 ซม.
* * * ง. - ความ "กว้าง" ของเบาะ คือ 23 ซม.
* * * จ. - ความ "ยาว" ของเบาะส่วนบน ซึ่งก็คือเบาะ ส่วนที่มีไว้สำหรับรองรับ ศีรษะ และหลัง ของผู้บริหาร คือ 71 ซม.
* * * ฉ. - ความ "ยาว" ของเบาะส่วนล่าง ซึ่งก็คือเบาะ ส่วนที่มีไว้สำหรับรองรับ ก้น ของผุ้บริหาร คือ 30 ซม.
อุปกรณ์นี้ ใช้บริหารท่าอะไรได้บ้าง?
* * * กลุ่มของกล้ามหน้าแขน ( ไบเซบ )
- Incline Bench One - Arm Preacher Curl
* * * กลุ่มของกล้ามหน้าอก
- Flat bench presses - ต้องปรับเบาะส่วนบน ให้ขนานกับพื้นก่อน ถึงจะบริหารท่านี้ได้
- Incline Presses - สามารถปรับองศาของเบาะได้หลายระดับ แล้วบริหารในท่านี้
- END -
Adjustable back pad bench with rack and leg extension / leg curl attachment
Adjustable back pad bench with rack and leg extension / leg curl attachment
เตียงยกน้ำหนักปรับหัวได้ และมีที่เล่นขา
![]() |
( ภาพบน ) เตียงยกน้ำหนักปรับหัวได้ และมีที่บริหารขา |
ส่วนของเบาะที่เป็น "ที่รองรับ ศีรษะ ,หลัง และก้น ของผู้บริหาร" จะแยกเป็นสองส่วน ,ส่วนล่างของเบาะ คือส่วนที่มีไว้สำหรับรองรับ ก้น ของผุ้บริหาร / ส่วนบนของเบาะ คือส่วนที่มีไว้สำหรับรองรับ ศีรษะ และหลัง ของผู้บริหาร
ในส่วนบนของเบาะ ที่มีไว้สำหรับรองรับ ศีรษะ และหลัง ของผู้บริหาร นั้น สามารถปรับระดับได้หลายระดับ คือ ระดับที่ขนานกับพื้น ,ระดับที่ทำมุน 30 องศากับพื้น ,ระดับที่ทำมุม 45 องศากับพื้น หรืออาจจะปรับระดับองศาได้หลายรูปแบบมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับ รุ่นที่ผลิต ของบริษัทผู้ผลิตแต่ละยี่ห้อ
ที่บริเวณที่ใกล้กับเบาะ ที่ทำไว้สำหรับรองรับ ก้น ของผู้บริหารนั้น จะมีโครงสร้างแท่งเหล็กยื่นออกไปสองทิศ / ทิศแรก คือโครงสร้างแท่งเหล็ก ที่ยื่นออกไป แบบ "ขนาน" กับพื้น / และทิศที่สองคือ โครงสร้างแท่งเหล็ก ที่ยื่นออกไป แบบ "ชี้ลง" พื้น / นอกจากนี้ ก็ยังมีโครงสร้างแท่งเหล็กอีกส่วนหนึ่ง ที่ถูกสร้างให้ยื่นออกมาจากโครงสร้างแท่งเหล็กที่ "ชี้ลง" พื้นด้วย
โครงสร้างแท่งเหล็กที่ชี้ไปทั้งสองทิศ ที่กล่าวมานี้ มีไว้สำหรับการบริหารหน้าขา และการบริหารหลังขา
โดยโครงสร้างแท่งเหล็ก อันที่ยื่นออกไป แบบ "ขนาน" กับพื้น มีไว้สำหรับบริหารหลังขา / โดยจะมีโครงสร้างเหล็กที่ด้านท้ายของแท่งเหล็กนั้น ยื่นออกไปทางด้านข้าง แล้วมี "นวมฟองน้า" ส่วมอยู่
เวลาที่ผู้บริหารจะบริหารหลังขา ก็ทำได้โดยการ "นอนคว่ำหน้า" ลงบนเบาะ จากนั้น ก็ใช้พื้นที่เหนือส้นเท้าทั้งสองข้าง สอดเข้าไปที่ใต้ "นวมฟองน้ำ" ดังกล่าว แล้วใช้แรงจากกล้ามต้นขาด้านหบัง ในการงัดแท่งเหล็กดังกล่าวเข้าหา "ก้น" ของผู้บริหารเอง ในขณะที่ผู้บริหารกำลังนอนคว่ำหน้าอยู่ / ท่านี้ มีชื่อเรียกโดยเฉพาะว่า Lying Leg Curl
ส่วนโครงสร้างแท่งเหล็ก อันที่ยื่นออกไป แบบ "ชี้ลง" พื้น มีไว้สำหรับบริหารหน้าขา / โดยจะมีโครงสร้างเหล็กที่ด้านท้ายของแท่งเหล็กนั้น ยื่นออกไปทางด้านข้าง แล้วมี "นวมฟองน้า" ส่วมอยู่เช่นกัน
เวลาที่ผู้บริหารจะบริหารหน้าขา ก็ทำได้โดยการ นั่งบนเบาะในส่วนที่ทำเอาไว้สำหรับรองรับ ก้น ของผู้บริหาร จากนั้น ก็เอาเท้าทั้งสองข้าง สอดเข้าไปที่ใต้ "นวมฟองน้ำ" ดังกล่าว แล้วใช้แรงจากกล้ามต้นขาด้านหน้า ในการยกแท่งเหล็ดดังกล่าว จากที่ "ชี้ลง" พื้น ให้กลายเป็น "ขนาน" กับพื้น / ท่านี้ มีชื่อเรียกโดยเฉพาะว่า Leg Extension
ในส่วนของโครงสร้างแท่งเหล็กอีกอันหนึ่ง ที่ถูกสร้างให้ยื่นออกมาจากโครงสร้างแท่งเหล็กที่ "ชี้ลง" พื้น นั้น มีเอาไว้สำหรับใส่แผ่นบาร์เบลล์ เพื่อเพิ่มความหนัก หรือเพิ่มความยากให้กับผู้บริหาร
ที่บริเวณส่วนหัวของอุปกรณ์ จะมีโครงสร้างเป็นเหล็กสองอันที่ถูกสร้างขึ้นมาให้ "ตั้งฉาก" กับพื้น และถูกเชื่อมต่อเอาไว้กับตัวเตียง / มีระยะห่างระหว่างแท่งเหล็กทั้งสองอันนี้ ประมาณ 60 เซนติเมตรขึ้นไป / เราเรียกโครงสร้างเหล็กทั้งสองอันนี้ว่า Rack หรือ ที่สำหรับวางบาร์เบลล์
การที่ Rack หรือ ที่สำหรับวางบาร์เบลล์ มีลักษณะตั้งฉากกับพื้น จะทำให้เหล็กทั้งสองอัน สามารถรองรับน้ำหนักบาร์เบลล์ได้มาก โดยที่จะไม่ทำให้เหล็กทั้งสองงอ หรือเสียหายได้ เหตุผลก็เพราะแรงกด ซึ่งหมายถึงน้ำหนักของบาร์เบลล์ที่กดลงมา จะวิ่งลงสู่พื้นโดยตรง ด้วยความที่ Rack ตั้งฉากกับพื้นนั่นเอง
![]() |
( ภาพบน ) ขนาดของอุปกรณ์ |
* * * ก. - ความสูงของ Rack หรือช้นวางบาร์เบลล์ คือ 100 ซม.
* * * ข. - ระยะห่างของ Rack ทั้ง 2 อัน คือ 60 ซม.
* * * ค. - ความสูงของเตียง ( จากพื้น ) คือ 54 ซม.
* * * ง. - ความ "กว้าง" ของเบาะ คือ 23 ซม.
* * * จ. - ความ "ยาว" ของเบาะส่วนบน ซึ่งก็คือเบาะ ส่วนที่มีไว้สำหรับรองรับ ศีรษะ และหลัง ของผู้บริหาร คือ 71 ซม.
* * * ฉ. - ความ "ยาว" ของเบาะส่วนล่าง ซึ่งก็คือเบาะ ส่วนที่มีไว้สำหรับรองรับ ก้น ของผุ้บริหาร คือ 30 ซม.
* * * ช. - ความยาวของโครงสร้างแท่งเหล็ก อันที่ยื่นออกไป แบบ "ขนาน" กับพื้น คือ 36 ซม.
* * * ซ. - ความยาวของโครงสร้างแท่งเหล็ก อันที่ยื่นออกไป แบบ "ชี้ลง" พื้น คือ 32 ซม.
* * * ฌ. - ความยาวของโครงสร้างแท่งเหล็ก ที่ถูกสร้างให้ยื่นออกมาจากโครงสร้างแท่งเหล็กที่ "ชี้ลง" พื้น คือ 24 ซม.
อุปกรณ์นี้ ใช้บริหารท่าอะไรได้บ้าง?
* * * กลุ่มของกล้ามหน้าแขน ( ไบเซบ )
- Incline Bench One - Arm Preacher Curl
* * * กลุ่มของกล้ามหน้าอก
- Flat bench presses - ต้องปรับเบาะส่วนบน ให้ขนานกับพื้นก่อน ถึงจะบริหารท่านี้ได้
- Incline Presses - สามารถปรับองศาของเบาะได้หลายระดับ แล้วบริหารในท่านี้
* * * กลุ่มของกล้ามต้นขาด้านหน้า
- Leg Extension
* * * กลุ่มของกล้ามต้นขาด้านหลัง
- Lying Leg Curl - ใช้บริหาร "ขาพร้อมกันทั้ง 2 ข้าง"
- Standing Single Leg Curl with Home Gym Weight Bench Press - ใช้บริหารด้วย "ขาทีละข้าง"
- END -
Saturday, April 18, 2020
97% Lean Ground Beef
97% Lean Ground Beef
เนื้อวัวบด ( Ground Beef ) อย่างไหนเป็น "Lean" Ground Beef และอย่างไหน ไม่ใช่?
เวลาคุณมองแพ็กเกจของเนื้อวัวบด ( Ground Beef ) คุณจะเห็นเลขสัดส่วนที่เขียนไว้ว่า 73/27 หรือ 96/4 ฯลฯ ,ตัวเลขเหล่านี้ เรียกว่า Lean Point ซึ่งเป็นตัวบ่งบอกถึงการมีไขมันของเนื้อบดนั้น
ยกตัวอย่างเช่นตัวเลข 73/27 นั้นหมายถึง ในเนื้อวัวบดที่อยู่ในแพ็กเกจนั้น เป็นเนื้อวัวล้วนๆ ( ไม่ติดมัน ) 73 % และเป็นไขมันที่แทรกตัวอยู่ อีก 27% นั่นก็หมายความว่า เนื้อวัวบดที่อยู่ในแพ็กเกจนั้น มีไขมันสูงกว่าแพ็กเกจที่เขียนไว้ว่า 96/4 เพราะแพ็กเกจที่เขียนว่า 96/4 หมายถึง จะมีไขมันแทรกอยู่แค่ 4% เท่านั้น
ในทุกวันนี้ ส่วนมากเนื้อวัวบดที่วางขาย จะมีป้ายบอก % แบบที่พูดมานี้ ( คือมีทั้ง % ของเนื้อวัวล้วนไม่ติดมัน และ % ของไขมัน - บอกไว้ ) Lean points คำนวณจากการแยกไขมัน ( ในหน่วยกรัม ) ออกจากเนื้อวัวทั้งหมด ( ในหน่วยกรัม ) แล้ว "คูณ" ด้วย 100 เพื่อให้ได้ตัวเลขออกมาเป็นเลข %
ยกตัวอย่างเช่น เนื้อวัวบด ที่หนัก 112 กรัม และมีไขมันแทรกอยู่ 22 กรัม / ก็จะคำนวณอย่างนี้คือ เอา 22 เป็นตัวตั้ง แล้วหารด้วย 112 ผลที่ได้คือ 0.20
เอาเลข 0.20 ไปคูณด้วย 100 ผลที่ได้คือ 20
ตัวเลข 20 นี้ คือตัวที่บ่งบอกว่า เนื้อบดนี้ มีไขมันร้อยละ 20 และมีเนื้อล้วนๆ ( ไม่ติดมัน ) 80%
ในการที่เราจะบอกได้ว่า เนื้อวัวบดนั้น "Lean" หรือไม่ ก็คือการดูไปที่ Lean Point อันนี้ว่าเป็นตัวเลขอะไร? ถ้าเป็นเนื้อวัวบดที่เป็นแบบ "Lean" จะต้องมี Lean Point เป็นตัวเลข 92% / 8% หรือสูงกว่า
( 92% / 8% แปลว่า มีเนื้อล้วนๆ ( ไม่ติดมัน ) 92 หน่วย ( จากน้ำหนักเนื้อ 100 หน่วย ) และมีไขมัน 8 หน่วย ( จากน้ำหนักเนื้อ 100 หน่วย ) )
ทำไมไม่ให้มีไขมันเป็น 0% ไปเลยล่ะ?
ไขมันช่วยทำให้เนื้อวัวมีรสชาติที่ดี จริงๆแล้ว ยิ่งมีไขมันมาก ยิ่งทำให้เนื้อวัวนั้นชุ่มฉ่ำและมีรสชาติดียิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะเป็นเนื้อวัวบดแบบไขมันน้อย ( คือ Lean ) เราก็ยังปรุงรสให้เข้มข้นขึ้นได้ ก็ไม่ได้จืดชืดไปเสียหมด ( เพราะยังมีไขมันเจือปนอยู่บ้าง - ก็ยังพอมีรสชาติ แล้วเราก็ปรุงรสเพิ่มขึ้น ให้อร่อย ไม่จืดชืดได้ - ซึ่งเป็นผลดีกับการไอเอทของคุณ ( เพราะไขมัน มันน้อย ) )
มาดู Lean Point แต่ละอันกัน
* * * Lean Point: 73/27 – 81/19
คุณสมบัติ : รสชาติยอดเยี่ยม มีความฉ่ำมาก
เหมาะสำหรับ : การทำเบอร์เกอร์ ,ทำ Meatloaf ,ทำลูกชิ้น ( Meatball ) ,ทำเสต๊กที่ชื่อว่า Salisbury
* * * Lean Point: 83/17 – 89/11 A
คุณสมบัติ : รสชาติอร่อย พื้นผิวของอาหารดูน่ากิน เหมาะกับการทำอาหารที่มีเนื้อเป็นหลัก
เหมาะสำหรับ : การทำลูกชิ้น ( Meatball ) , เบอร์เกอร์แบบไขมันน้อย ,เป็นหน้าของพิซซ่า ( Pizza topping ) ,ทำ Meatloaf
* * * Lean Point: 90/10 – 92/8
คุณสมบัติ : เหมาะสำหรับการทำเป็นส่วนผสมในการประกอบอาหาร
เหมาะสำหรับ : การทำลาซานญ่า ,เอนชิลาดา ,เบอร์ริโต ,สปาเก็ตตี้ ,แคสเซอรอล ,ทาโก้ ,sloppy joes
* * * Lean Point: 93/7 – 96/4
คุณสมบัติ : เป็นรูปแบบที่มีไขมันน้อยที่สุดแล้วในท้องตลาด ,การทำแบบลีน 96% จะมีสติ๊กเกอร์ หรือเครื่องหมายการ "ตรวจหัวใจ" ไว้ที่ตัวอาหาร เพื่อบอกว่า เป็นอาหารเพื่อสุขภาพหัวใจ / ส่วนใหญ่ใช้เป็นส่วนผสมในอาหารเพื่อสุขภาพ
เหมาะสำหรับ : เอาผักกาดหอม ห่อ ( Asian lettuce wraps ) ,Cabbage Rolls ,ทาโก้ ,พริกหยวกยัดไส้ ,tostadas
แหล่งที่มาของเนื้อที่นำมาบด
ที่เรียกว่าเนื้อบด ( Ground beef ) นั้น จะกำหนดไว้เป็นส่วนๆ คือ
* * * ถ้าบอกว่า เป็น Ground sirlon ก็คือการเอา "เนื้อสันนอก" ของวัวมาใช้เครื่องจักร และกรรมวิธีต่างๆ สับให้เนื้อนั้นละเอียด โดยจะมีเนื้อวัวล้วนอยู่ 90% และมีไขมันอยู่ 10%
* * * ถ้าบอกว่าเป็น Ground round ก็คือการนำเอา "เนื้อสะโพก" มาทำให้ละเอียด ก็จะได้เนื้อล้วนๆ 85% และไขมัน 15%
* * * ถ้าบอกว่าเป็น Ground chuck ก็คือการนำเอา "เนื้อสันคอ" มาทำให้ละเอียด ก็จะได้เนื้อล้วนๆ 80% และไขมัน 20%
- - - - - - - - - - - - - - - - - - -
เนื้อวัวบด - Ground beef คือเนื้อวัว ที่ถูกทำให้ละเอียดด้วยการสับด้วยมีด หรือทำให้ละเอียดด้วยอุปกรณ์เครื่องบดเนื้อ ( แบบที่เห็นในภาพข้างบนนี้ ) ผลผลิตที่ได้ ถูกนำไปใช้ในการปรุงอาหาร เช่น แฮมเบอร์เกอร์ ฯลฯ
ในหลายประเทศ กฏหมายเกี่ยวกับอาหารกำหนดเรื่องของเนื้อวัวบดเอาไว้ ยกตัวอย่างเช่นประเทศอเมริกา จะกำหนดกฏหมายไว้ว่า ในแฮมเบอร์เกอร์อาจจะมีไขมันได้ แต่ว่าในเนื้อวัวบด จะมีไขมันได้ไม่เกิน 30% ของน้ำหนักเนื้อวัวบดทั้งหมด ( เนื้อวัวบดในที่นี้ หมายถึงเนื้อวัวบดที่ถูกผลิตในโรงงานที่ถูกตรวจสอบโดย USDA )
ในประเทศฝรั่งเศส อนุญาตให้มีไขมันอยู่ในเนื้อวัวบด ในระหว่าง 5 - 20% ของน้ำหนักรวมทั้งหมด ( โดยส่วนมาก คนจะนิยมอยู่ที่ประมาณ 15% )
ในประเทศเยอรมัน เนื้อวัวบดส่วนใหญ่ จะมีไขมันอยู่ที่ 15%
ทั้งเนื้อแบบแฮมเบอร์เกอร์ และเนื้อวัวบด ที่ถูกผลิตนั้น สามารถปรุงรสได้ด้วยผงปรุงรส ,ฟอตเฟส ได้ แต่ "ไม่อนุญาต" ให้ใส่น้ำลงไป
เนื้อวัวบดที่วางขายอยู่ในท้องตลาด จะมีปริมาณไขมันไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้าให้เลือกซื้อ
โดยทั่วไป เนื้อวัวบด จะทำจากเนื้อวัวที่เหนียว และได้รับความนิยมน้อย แต่อย่างไรก็ตาม ก็มีเนื้อวัวบดที่ผลิตจากเนื้อบริเวณที่มีความนุ่มมาก ออกจำหน่ายเหมือนกัน
ในปี พ.ศ.2551 ( ค.ศ.2008 ) มีการตรวจสอบเนื้อวัวบดที่ทำเป็นแฮมเบอร์เกอร์แบบฟาสต์ฟู้ด อยู่ "8 ยี่ห้อ" เอาไปศึกษาในห้องปฏิบัติการ "8 แห่ง" ได้ผลการศึกษาออกมาดังนี้ว่า
- มีน้ำอยู่ 37.7% ถึง 62.4%
- มีกล้ามเนื้ออยู่ 2.1% ถึง 14.8%
- เกี่ยวกับเนื้อเยื่อโครงกระดูกนั้น "ตรวจไม่พบ" / อาจเป็นเพราะว่าในกระบวนการแปรรูปนั้น ทางบริษัทใช้เครื่องจักรในการแยกกระดูก และกระดูกอ่อน ออกไปแล้ว
- พบเนื้อเยื่อ Connective tissue
- พบเส้นหลอดเลือด
- พบเนื้อเยื่อเส้นประสาทส่วนปลาย แต่ไม่พบเนื้อเยื่อสมองในตัวอย่างใดๆ
- เกี่ยวกับเนื้อเยื่อไขมัน : พบเป็นเนื้อเยื่อไขมัน และหยดไขมัน / มี 6 ยี่ห้อที่ได้คะแนน 1+ ( หมายถึงเป็นคะแนนปานกลาง ) / มี 2 ยี่ห้อ ที่ได้คะแนน 2 +
- วัสดุจากพืช : ตรวจพบได้ ซึ่งคาดว่าจะถูกเพิ่มเข้าไปในเนือวัวบด เพื่อปรุงรส
ส่วนของวัว ที่ใช้ทำเนื้อวัวบด
ถึงแม้ว่าเนื้อวัวทุกส่วนสามารถนำมาผลิดเป็นเนื้อวัวบดได้ก็ตาม แต่เนื้อที่สันคอ ( Chuck ) คือส่วนที่ได้รับความนิยมที่สุด เนื่องจากเนื้อบริเวณดังกล่าว ( สันคอ ) มีรสชาติที่เข้มข้น และมีสัดส่วนของเนื้อกับไขมันที่เหมาะเจาะ
เนื้อวัวบด มีหมวดหมู่ของเนื้อและไขมันดังนี้
* * * เนื้อสันคอ มีตัวเลข 78 - 84% Lean
* * * เนื้อสะโพก มีตัวเลข 85 - 89% Lean
* * * เนื้อสันนอก มีตัวเลข 90 - 95% Lean
- END -
96% Lean Ground Beef
96% Lean Ground Beef
ในเนื้อวัวบด ที่เขียนไว้ว่า 96% Lean Ground Beef นั้น ในขนาด 4 ออนซ์ จะมีไขมันอยู่ 4 กรัม ,คาร์โบไฮเดรต 0 กรัม ,ไฟเบอร์ 0 กรัม ,โปรตีน 24 กรัม ให้แคลอรี่ 130 แคลอรี่
เนื้อวัวบด ( Ground Beef ) อย่างไหนเป็น "Lean" Ground Beef และอย่างไหน ไม่ใช่?
เวลาคุณมองแพ็กเกจของเนื้อวัวบด ( Ground Beef ) คุณจะเห็นเลขสัดส่วนที่เขียนไว้ว่า 73/27 หรือ 96/4 ฯลฯ ,ตัวเลขเหล่านี้ เรียกว่า Lean Point ซึ่งเป็นตัวบ่งบอกถึงการมีไขมันของเนื้อบดนั้น
ยกตัวอย่างเช่นตัวเลข 73/27 นั้นหมายถึง ในเนื้อวัวบดที่อยู่ในแพ็กเกจนั้น เป็นเนื้อวัวล้วนๆ ( ไม่ติดมัน ) 73 % และเป็นไขมันที่แทรกตัวอยู่ อีก 27% นั่นก็หมายความว่า เนื้อวัวบดที่อยู่ในแพ็กเกจนั้น มีไขมันสูงกว่าแพ็กเกจที่เขียนไว้ว่า 96/4 เพราะแพ็กเกจที่เขียนว่า 96/4 หมายถึง จะมีไขมันแทรกอยู่แค่ 4% เท่านั้น
ในทุกวันนี้ ส่วนมากเนื้อวัวบดที่วางขาย จะมีป้ายบอก % แบบที่พูดมานี้ ( คือมีทั้ง % ของเนื้อวัวล้วนไม่ติดมัน และ % ของไขมัน - บอกไว้ ) Lean points คำนวณจากการแยกไขมัน ( ในหน่วยกรัม ) ออกจากเนื้อวัวทั้งหมด ( ในหน่วยกรัม ) แล้ว "คูณ" ด้วย 100 เพื่อให้ได้ตัวเลขออกมาเป็นเลข %
ยกตัวอย่างเช่น เนื้อวัวบด ที่หนัก 112 กรัม และมีไขมันแทรกอยู่ 22 กรัม / ก็จะคำนวณอย่างนี้คือ เอา 22 เป็นตัวตั้ง แล้วหารด้วย 112 ผลที่ได้คือ 0.20
เอาเลข 0.20 ไปคูณด้วย 100 ผลที่ได้คือ 20
ตัวเลข 20 นี้ คือตัวที่บ่งบอกว่า เนื้อบดนี้ มีไขมันร้อยละ 20 และมีเนื้อล้วนๆ ( ไม่ติดมัน ) 80%
ในการที่เราจะบอกได้ว่า เนื้อวัวบดนั้น "Lean" หรือไม่ ก็คือการดูไปที่ Lean Point อันนี้ว่าเป็นตัวเลขอะไร? ถ้าเป็นเนื้อวัวบดที่เป็นแบบ "Lean" จะต้องมี Lean Point เป็นตัวเลข 92% / 8% หรือสูงกว่า
( 92% / 8% แปลว่า มีเนื้อล้วนๆ ( ไม่ติดมัน ) 92 หน่วย ( จากน้ำหนักเนื้อ 100 หน่วย ) และมีไขมัน 8 หน่วย ( จากน้ำหนักเนื้อ 100 หน่วย ) )
ทำไมไม่ให้มีไขมันเป็น 0% ไปเลยล่ะ?
ไขมันช่วยทำให้เนื้อวัวมีรสชาติที่ดี จริงๆแล้ว ยิ่งมีไขมันมาก ยิ่งทำให้เนื้อวัวนั้นชุ่มฉ่ำและมีรสชาติดียิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะเป็นเนื้อวัวบดแบบไขมันน้อย ( คือ Lean ) เราก็ยังปรุงรสให้เข้มข้นขึ้นได้ ก็ไม่ได้จืดชืดไปเสียหมด ( เพราะยังมีไขมันเจือปนอยู่บ้าง - ก็ยังพอมีรสชาติ แล้วเราก็ปรุงรสเพิ่มขึ้น ให้อร่อย ไม่จืดชืดได้ - ซึ่งเป็นผลดีกับการไอเอทของคุณ ( เพราะไขมัน มันน้อย ) )
มาดู Lean Point แต่ละอันกัน
* * * Lean Point: 73/27 – 81/19
คุณสมบัติ : รสชาติยอดเยี่ยม มีความฉ่ำมาก
เหมาะสำหรับ : การทำเบอร์เกอร์ ,ทำ Meatloaf ,ทำลูกชิ้น ( Meatball ) ,ทำเสต๊กที่ชื่อว่า Salisbury
* * * Lean Point: 83/17 – 89/11 A
คุณสมบัติ : รสชาติอร่อย พื้นผิวของอาหารดูน่ากิน เหมาะกับการทำอาหารที่มีเนื้อเป็นหลัก
เหมาะสำหรับ : การทำลูกชิ้น ( Meatball ) , เบอร์เกอร์แบบไขมันน้อย ,เป็นหน้าของพิซซ่า ( Pizza topping ) ,ทำ Meatloaf
* * * Lean Point: 90/10 – 92/8
คุณสมบัติ : เหมาะสำหรับการทำเป็นส่วนผสมในการประกอบอาหาร
เหมาะสำหรับ : การทำลาซานญ่า ,เอนชิลาดา ,เบอร์ริโต ,สปาเก็ตตี้ ,แคสเซอรอล ,ทาโก้ ,sloppy joes
* * * Lean Point: 93/7 – 96/4
คุณสมบัติ : เป็นรูปแบบที่มีไขมันน้อยที่สุดแล้วในท้องตลาด ,การทำแบบลีน 96% จะมีสติ๊กเกอร์ หรือเครื่องหมายการ "ตรวจหัวใจ" ไว้ที่ตัวอาหาร เพื่อบอกว่า เป็นอาหารเพื่อสุขภาพหัวใจ / ส่วนใหญ่ใช้เป็นส่วนผสมในอาหารเพื่อสุขภาพ
เหมาะสำหรับ : เอาผักกาดหอม ห่อ ( Asian lettuce wraps ) ,Cabbage Rolls ,ทาโก้ ,พริกหยวกยัดไส้ ,tostadas
แหล่งที่มาของเนื้อที่นำมาบด
ที่เรียกว่าเนื้อบด ( Ground beef ) นั้น จะกำหนดไว้เป็นส่วนๆ คือ
* * * ถ้าบอกว่า เป็น Ground sirlon ก็คือการเอา "เนื้อสันนอก" ของวัวมาใช้เครื่องจักร และกรรมวิธีต่างๆ สับให้เนื้อนั้นละเอียด โดยจะมีเนื้อวัวล้วนอยู่ 90% และมีไขมันอยู่ 10%
* * * ถ้าบอกว่าเป็น Ground round ก็คือการนำเอา "เนื้อสะโพก" มาทำให้ละเอียด ก็จะได้เนื้อล้วนๆ 85% และไขมัน 15%
* * * ถ้าบอกว่าเป็น Ground chuck ก็คือการนำเอา "เนื้อสันคอ" มาทำให้ละเอียด ก็จะได้เนื้อล้วนๆ 80% และไขมัน 20%
- - - - - - - - - - - - - - - - - - -
เนื้อวัวบด - Ground beef คือเนื้อวัว ที่ถูกทำให้ละเอียดด้วยการสับด้วยมีด หรือทำให้ละเอียดด้วยอุปกรณ์เครื่องบดเนื้อ ( แบบที่เห็นในภาพข้างบนนี้ ) ผลผลิตที่ได้ ถูกนำไปใช้ในการปรุงอาหาร เช่น แฮมเบอร์เกอร์ ฯลฯ
ในหลายประเทศ กฏหมายเกี่ยวกับอาหารกำหนดเรื่องของเนื้อวัวบดเอาไว้ ยกตัวอย่างเช่นประเทศอเมริกา จะกำหนดกฏหมายไว้ว่า ในแฮมเบอร์เกอร์อาจจะมีไขมันได้ แต่ว่าในเนื้อวัวบด จะมีไขมันได้ไม่เกิน 30% ของน้ำหนักเนื้อวัวบดทั้งหมด ( เนื้อวัวบดในที่นี้ หมายถึงเนื้อวัวบดที่ถูกผลิตในโรงงานที่ถูกตรวจสอบโดย USDA )
ในประเทศฝรั่งเศส อนุญาตให้มีไขมันอยู่ในเนื้อวัวบด ในระหว่าง 5 - 20% ของน้ำหนักรวมทั้งหมด ( โดยส่วนมาก คนจะนิยมอยู่ที่ประมาณ 15% )
ในประเทศเยอรมัน เนื้อวัวบดส่วนใหญ่ จะมีไขมันอยู่ที่ 15%
ทั้งเนื้อแบบแฮมเบอร์เกอร์ และเนื้อวัวบด ที่ถูกผลิตนั้น สามารถปรุงรสได้ด้วยผงปรุงรส ,ฟอตเฟส ได้ แต่ "ไม่อนุญาต" ให้ใส่น้ำลงไป
เนื้อวัวบดที่วางขายอยู่ในท้องตลาด จะมีปริมาณไขมันไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้าให้เลือกซื้อ
โดยทั่วไป เนื้อวัวบด จะทำจากเนื้อวัวที่เหนียว และได้รับความนิยมน้อย แต่อย่างไรก็ตาม ก็มีเนื้อวัวบดที่ผลิตจากเนื้อบริเวณที่มีความนุ่มมาก ออกจำหน่ายเหมือนกัน
ในปี พ.ศ.2551 ( ค.ศ.2008 ) มีการตรวจสอบเนื้อวัวบดที่ทำเป็นแฮมเบอร์เกอร์แบบฟาสต์ฟู้ด อยู่ "8 ยี่ห้อ" เอาไปศึกษาในห้องปฏิบัติการ "8 แห่ง" ได้ผลการศึกษาออกมาดังนี้ว่า
- มีน้ำอยู่ 37.7% ถึง 62.4%
- มีกล้ามเนื้ออยู่ 2.1% ถึง 14.8%
- เกี่ยวกับเนื้อเยื่อโครงกระดูกนั้น "ตรวจไม่พบ" / อาจเป็นเพราะว่าในกระบวนการแปรรูปนั้น ทางบริษัทใช้เครื่องจักรในการแยกกระดูก และกระดูกอ่อน ออกไปแล้ว
- พบเนื้อเยื่อ Connective tissue
- พบเส้นหลอดเลือด
- พบเนื้อเยื่อเส้นประสาทส่วนปลาย แต่ไม่พบเนื้อเยื่อสมองในตัวอย่างใดๆ
- เกี่ยวกับเนื้อเยื่อไขมัน : พบเป็นเนื้อเยื่อไขมัน และหยดไขมัน / มี 6 ยี่ห้อที่ได้คะแนน 1+ ( หมายถึงเป็นคะแนนปานกลาง ) / มี 2 ยี่ห้อ ที่ได้คะแนน 2 +
- วัสดุจากพืช : ตรวจพบได้ ซึ่งคาดว่าจะถูกเพิ่มเข้าไปในเนือวัวบด เพื่อปรุงรส
ส่วนของวัว ที่ใช้ทำเนื้อวัวบด
ถึงแม้ว่าเนื้อวัวทุกส่วนสามารถนำมาผลิดเป็นเนื้อวัวบดได้ก็ตาม แต่เนื้อที่สันคอ ( Chuck ) คือส่วนที่ได้รับความนิยมที่สุด เนื่องจากเนื้อบริเวณดังกล่าว ( สันคอ ) มีรสชาติที่เข้มข้น และมีสัดส่วนของเนื้อกับไขมันที่เหมาะเจาะ
เนื้อวัวบด มีหมวดหมู่ของเนื้อและไขมันดังนี้
* * * เนื้อสันคอ มีตัวเลข 78 - 84% Lean
* * * เนื้อสะโพก มีตัวเลข 85 - 89% Lean
* * * เนื้อสันนอก มีตัวเลข 90 - 95% Lean
- END -
93% Lean Ground Turkey
93% Lean Ground Turkey
ในเนื้อไก่งวงบด ที่เขียนไว้ว่า 93% Lean Ground Turkey นั้น ในขนาด 4 ออนซ์ จะมีไขมันอยู่ 9.4 กรัม ,คาร์โบไฮเดรต 0 กรัม ,ไฟเบอร์ 0 กรัม ,โปรตีน 21.2 กรัม ให้แคลอรี่ 169 แคลอรี่
- - - - - - - - - - - - - - - - - - -
เนื้อไก่งวงบด - Ground turkey - คือส่วนผสมของเนื้อไก่งวง ที่มาจากเนื้อส่วนดำ ( Dark turkey meat ) ผสมกับเนื้อส่วนที่จางกว่า ( Light turkey meat ) โดยมีส่วนของหนังไก่ และไขมันผสมลงไปด้วย และเข้าสู่กระบวนการแปนรูปจนกระทั่งได้ผลิตภัณฑ์ออกมา
ในกระบวนการแปรรูปนั้น เนื้อไก่งวง ,หนังไก่ และไขมัน จะถูกเลาะออกจากกระดูก แล้วใช้สารเคมีปรุงแต่ง
ตัวหลักที่ใช้ทำเป็นเนื้อไก่งวงบด คือบริเวณขาไก่ ( ไม่นิยมเอา อกไก่ มาบด เพราะเนื้อส่วนอก มีราคาสูง )
เนื้อไก่งวงบด มีราคาถูกกว่า และสะอาดกว่า เนื้อวัวบด จนทำให้ปัจจุบันนี้ คนเริ่มนิยมเนื้อไก่งวงบดมากขึ้น และทำให้ราคาเริ่มแพงขึ้น
กฏระเบียบที่เกี่ยวข้อง
ระเบียบของสหพันธ์ไก่งวงแห่งชาติ ( NTF ) กำหนดเกี่ยวกับ ส่วนประเกอบจากไก่งวง อันได้แก่ กล้ามเนื้อทั้งหมด ,น่อง ,คอ ฯลฯ ของไก่ ที่นำมาผลิต จะต้องอยู่ภายใต้กฏระเบียบของ NTF
และยังมีระเบียบของ กระทรวงเกษตรของสหรัฐอเมริกา ( USDA ) กำหนดไว้ว่าปริมาณไขมันของเนื้อไก่งวงบด โดยเฉลี่ยจะต้องอยู่ระหว่าง 10% ถึง 15% เท่านั้น
การติดฉลาก
กระทรวงเกษตรของสหรัฐอเมริกา ( USDA ) กำหนดไว้ว่า ถ้าเป็นสถานะการณ์ทั่วๆป ผุ้ค้าปลักไม่จำเป็นต้องติดฉลาก "แต่" หากผลิตภัณฑ์ไก่งวงบดนั้น เป็นแบบ "Lean" หรือ "Extra Lean" จะต้องติดฉลากเพื่อแจ้งให้ลูกค้าทราบ
- - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ไก่งวง ( Turkey ) เป็นนกที่บินไม่ได้ประเภทหนึ่ง จัดอยู่ในวงศ์ไก่ฟ้าและนกกระทา ( Phasianidae ) จัดอยู่ในวงศ์ย่อย Meleagridinae สกุล Meleagris
มีปากสั้นเรียวบาง บริเวณหัวบางส่วนและลำคอไม่มีขนที่เห็นชัด แต่มีหนังย่น ๆ และตุ่มคล้ายหูด ขนหางมี 28-30 เส้น แพนหางชี้ตั้งขึ้น ขายาว ลักษณะนิ้วตีนเหมือนกับไก่ในวงศ์ Phasianidae ตัวผู้มีเดือย ขนตามลำตัวเป็นเงา
แบ่งออกได้เป็น 2 ชนิด คือ M. gallopavo พบในอเมริกาเหนือ และ M. ocellata พบในอเมริกากลาง
ในสหรัฐอเมริกา ชาวคริสต์นิยมรับประทานไก่งวงในวันขอบคุณพระเจ้า ไก่งวง มีขนาดใหญ่กว่าไก่ทั่วไป ในการประกอบอาหาร นิยมยัดไส้นานาชนิด แล้วนำไปปรุงแต่งอาหาร
- END -
93% Lean Ground Beef
93% Lean Ground Beef
ในเนื้อวัวบด ที่เขียนไว้ว่า 93% Lean Ground Beef นั้น ในขนาด 4 ออนซ์ จะมีไขมันอยู่ 7.9 กรัม ,คาร์โบไฮเดรต 0 กรัม ,ไฟเบอร์ 0 กรัม ,โปรตีน 23.6 กรัม
เนื้อวัวบด ( Ground Beef ) อย่างไหนเป็น "Lean" Ground Beef และอย่างไหน ไม่ใช่?
เวลาคุณมองแพ็กเกจของเนื้อวัวบด ( Ground Beef ) คุณจะเห็นเลขสัดส่วนที่เขียนไว้ว่า 73/27 หรือ 96/4 ฯลฯ ,ตัวเลขเหล่านี้ เรียกว่า Lean Point ซึ่งเป็นตัวบ่งบอกถึงการมีไขมันของเนื้อบดนั้น
ยกตัวอย่างเช่นตัวเลข 73/27 นั้นหมายถึง ในเนื้อวัวบดที่อยู่ในแพ็กเกจนั้น เป็นเนื้อวัวล้วนๆ ( ไม่ติดมัน ) 73 % และเป็นไขมันที่แทรกตัวอยู่ อีก 27% นั่นก็หมายความว่า เนื้อวัวบดที่อยู่ในแพ็กเกจนั้น มีไขมันสูงกว่าแพ็กเกจที่เขียนไว้ว่า 96/4 เพราะแพ็กเกจที่เขียนว่า 96/4 หมายถึง จะมีไขมันแทรกอยู่แค่ 4% เท่านั้น
ในทุกวันนี้ ส่วนมากเนื้อวัวบดที่วางขาย จะมีป้ายบอก % แบบที่พูดมานี้ ( คือมีทั้ง % ของเนื้อวัวล้วนไม่ติดมัน และ % ของไขมัน - บอกไว้ ) Lean points คำนวณจากการแยกไขมัน ( ในหน่วยกรัม ) ออกจากเนื้อวัวทั้งหมด ( ในหน่วยกรัม ) แล้ว "คูณ" ด้วย 100 เพื่อให้ได้ตัวเลขออกมาเป็นเลข %
ยกตัวอย่างเช่น เนื้อวัวบด ที่หนัก 112 กรัม และมีไขมันแทรกอยู่ 22 กรัม / ก็จะคำนวณอย่างนี้คือ เอา 22 เป็นตัวตั้ง แล้วหารด้วย 112 ผลที่ได้คือ 0.20
เอาเลข 0.20 ไปคูณด้วย 100 ผลที่ได้คือ 20
ตัวเลข 20 นี้ คือตัวที่บ่งบอกว่า เนื้อบดนี้ มีไขมันร้อยละ 20 และมีเนื้อล้วนๆ ( ไม่ติดมัน ) 80%
ในการที่เราจะบอกได้ว่า เนื้อวัวบดนั้น "Lean" หรือไม่ ก็คือการดูไปที่ Lean Point อันนี้ว่าเป็นตัวเลขอะไร? ถ้าเป็นเนื้อวัวบดที่เป็นแบบ "Lean" จะต้องมี Lean Point เป็นตัวเลข 92% / 8% หรือสูงกว่า
( 92% / 8% แปลว่า มีเนื้อล้วนๆ ( ไม่ติดมัน ) 92 หน่วย ( จากน้ำหนักเนื้อ 100 หน่วย ) และมีไขมัน 8 หน่วย ( จากน้ำหนักเนื้อ 100 หน่วย ) )
ทำไมไม่ให้มีไขมันเป็น 0% ไปเลยล่ะ?
ไขมันช่วยทำให้เนื้อวัวมีรสชาติที่ดี จริงๆแล้ว ยิ่งมีไขมันมาก ยิ่งทำให้เนื้อวัวนั้นชุ่มฉ่ำและมีรสชาติดียิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะเป็นเนื้อวัวบดแบบไขมันน้อย ( คือ Lean ) เราก็ยังปรุงรสให้เข้มข้นขึ้นได้ ก็ไม่ได้จืดชืดไปเสียหมด ( เพราะยังมีไขมันเจือปนอยู่บ้าง - ก็ยังพอมีรสชาติ แล้วเราก็ปรุงรสเพิ่มขึ้น ให้อร่อย ไม่จืดชืดได้ - ซึ่งเป็นผลดีกับการไอเอทของคุณ ( เพราะไขมัน มันน้อย ) )
มาดู Lean Point แต่ละอันกัน
* * * Lean Point: 73/27 – 81/19
คุณสมบัติ : รสชาติยอดเยี่ยม มีความฉ่ำมาก
เหมาะสำหรับ : การทำเบอร์เกอร์ ,ทำ Meatloaf ,ทำลูกชิ้น ( Meatball ) ,ทำเสต๊กที่ชื่อว่า Salisbury
* * * Lean Point: 83/17 – 89/11 A
คุณสมบัติ : รสชาติอร่อย พื้นผิวของอาหารดูน่ากิน เหมาะกับการทำอาหารที่มีเนื้อเป็นหลัก
เหมาะสำหรับ : การทำลูกชิ้น ( Meatball ) , เบอร์เกอร์แบบไขมันน้อย ,เป็นหน้าของพิซซ่า ( Pizza topping ) ,ทำ Meatloaf
* * * Lean Point: 90/10 – 92/8
คุณสมบัติ : เหมาะสำหรับการทำเป็นส่วนผสมในการประกอบอาหาร
เหมาะสำหรับ : การทำลาซานญ่า ,เอนชิลาดา ,เบอร์ริโต ,สปาเก็ตตี้ ,แคสเซอรอล ,ทาโก้ ,sloppy joes
* * * Lean Point: 93/7 – 96/4
คุณสมบัติ : เป็นรูปแบบที่มีไขมันน้อยที่สุดแล้วในท้องตลาด ,การทำแบบลีน 96% จะมีสติ๊กเกอร์ หรือเครื่องหมายการ "ตรวจหัวใจ" ไว้ที่ตัวอาหาร เพื่อบอกว่า เป็นอาหารเพื่อสุขภาพหัวใจ / ส่วนใหญ่ใช้เป็นส่วนผสมในอาหารเพื่อสุขภาพ
เหมาะสำหรับ : เอาผักกาดหอม ห่อ ( Asian lettuce wraps ) ,Cabbage Rolls ,ทาโก้ ,พริกหยวกยัดไส้ ,tostadas
แหล่งที่มาของเนื้อที่นำมาบด
ที่เรียกว่าเนื้อบด ( Ground beef ) นั้น จะกำหนดไว้เป็นส่วนๆ คือ
* * * ถ้าบอกว่า เป็น Ground sirlon ก็คือการเอา "เนื้อสันนอก" ของวัวมาใช้เครื่องจักร และกรรมวิธีต่างๆ สับให้เนื้อนั้นละเอียด โดยจะมีเนื้อวัวล้วนอยู่ 90% และมีไขมันอยู่ 10%
* * * ถ้าบอกว่าเป็น Ground round ก็คือการนำเอา "เนื้อสะโพก" มาทำให้ละเอียด ก็จะได้เนื้อล้วนๆ 85% และไขมัน 15%
* * * ถ้าบอกว่าเป็น Ground chuck ก็คือการนำเอา "เนื้อสันคอ" มาทำให้ละเอียด ก็จะได้เนื้อล้วนๆ 80% และไขมัน 20%
- - - - - - - - - - - - - - - - - - -
เนื้อวัวบด - Ground beef คือเนื้อวัว ที่ถูกทำให้ละเอียดด้วยการสับด้วยมีด หรือทำให้ละเอียดด้วยอุปกรณ์เครื่องบดเนื้อ ( แบบที่เห็นในภาพข้างบนนี้ ) ผลผลิตที่ได้ ถูกนำไปใช้ในการปรุงอาหาร เช่น แฮมเบอร์เกอร์ ฯลฯ
ในหลายประเทศ กฏหมายเกี่ยวกับอาหารกำหนดเรื่องของเนื้อวัวบดเอาไว้ ยกตัวอย่างเช่นประเทศอเมริกา จะกำหนดกฏหมายไว้ว่า ในแฮมเบอร์เกอร์อาจจะมีไขมันได้ แต่ว่าในเนื้อวัวบด จะมีไขมันได้ไม่เกิน 30% ของน้ำหนักเนื้อวัวบดทั้งหมด ( เนื้อวัวบดในที่นี้ หมายถึงเนื้อวัวบดที่ถูกผลิตในโรงงานที่ถูกตรวจสอบโดย USDA )
ในประเทศฝรั่งเศส อนุญาตให้มีไขมันอยู่ในเนื้อวัวบด ในระหว่าง 5 - 20% ของน้ำหนักรวมทั้งหมด ( โดยส่วนมาก คนจะนิยมอยู่ที่ประมาณ 15% )
ในประเทศเยอรมัน เนื้อวัวบดส่วนใหญ่ จะมีไขมันอยู่ที่ 15%
ทั้งเนื้อแบบแฮมเบอร์เกอร์ และเนื้อวัวบด ที่ถูกผลิตนั้น สามารถปรุงรสได้ด้วยผงปรุงรส ,ฟอตเฟส ได้ แต่ "ไม่อนุญาต" ให้ใส่น้ำลงไป
เนื้อวัวบดที่วางขายอยู่ในท้องตลาด จะมีปริมาณไขมันไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้าให้เลือกซื้อ
โดยทั่วไป เนื้อวัวบด จะทำจากเนื้อวัวที่เหนียว และได้รับความนิยมน้อย แต่อย่างไรก็ตาม ก็มีเนื้อวัวบดที่ผลิตจากเนื้อบริเวณที่มีความนุ่มมาก ออกจำหน่ายเหมือนกัน
ในปี พ.ศ.2551 ( ค.ศ.2008 ) มีการตรวจสอบเนื้อวัวบดที่ทำเป็นแฮมเบอร์เกอร์แบบฟาสต์ฟู้ด อยู่ "8 ยี่ห้อ" เอาไปศึกษาในห้องปฏิบัติการ "8 แห่ง" ได้ผลการศึกษาออกมาดังนี้ว่า
- มีน้ำอยู่ 37.7% ถึง 62.4%
- มีกล้ามเนื้ออยู่ 2.1% ถึง 14.8%
- เกี่ยวกับเนื้อเยื่อโครงกระดูกนั้น "ตรวจไม่พบ" / อาจเป็นเพราะว่าในกระบวนการแปรรูปนั้น ทางบริษัทใช้เครื่องจักรในการแยกกระดูก และกระดูกอ่อน ออกไปแล้ว
- พบเนื้อเยื่อ Connective tissue
- พบเส้นหลอดเลือด
- พบเนื้อเยื่อเส้นประสาทส่วนปลาย แต่ไม่พบเนื้อเยื่อสมองในตัวอย่างใดๆ
- เกี่ยวกับเนื้อเยื่อไขมัน : พบเป็นเนื้อเยื่อไขมัน และหยดไขมัน / มี 6 ยี่ห้อที่ได้คะแนน 1+ ( หมายถึงเป็นคะแนนปานกลาง ) / มี 2 ยี่ห้อ ที่ได้คะแนน 2 +
- วัสดุจากพืช : ตรวจพบได้ ซึ่งคาดว่าจะถูกเพิ่มเข้าไปในเนือวัวบด เพื่อปรุงรส
ส่วนของวัว ที่ใช้ทำเนื้อวัวบด
ถึงแม้ว่าเนื้อวัวทุกส่วนสามารถนำมาผลิดเป็นเนื้อวัวบดได้ก็ตาม แต่เนื้อที่สันคอ ( Chuck ) คือส่วนที่ได้รับความนิยมที่สุด เนื่องจากเนื้อบริเวณดังกล่าว ( สันคอ ) มีรสชาติที่เข้มข้น และมีสัดส่วนของเนื้อกับไขมันที่เหมาะเจาะ
เนื้อวัวบด มีหมวดหมู่ของเนื้อและไขมันดังนี้
* * * เนื้อสันคอ มีตัวเลข 78 - 84% Lean
* * * เนื้อสะโพก มีตัวเลข 85 - 89% Lean
* * * เนื้อสันนอก มีตัวเลข 90 - 95% Lean
- END --
99% Lean Chopped Turkey Meat
99% Lean Chopped Turkey Meat
ขอแทรกนิดนึงครับ
ชื่ออาหารนีน้คือ 99% Lean chopped turkey meat นะครับ ซึ่งคำว่า chopped นั้น ก็หมายความว่า เป็นการสับ หรือหั่นเป็นชิ้นๆนะครับ
มันจะเป็นคนละความหมายกับสินค้าที่ชื่อ 99% Lean ground turkey meat
คือถ้าดูชื่อเผินๆ มันจะคล้ายๆกัน แต่ความจริง มันมีความแตกต่างกันตรงที่มีคำว่า ground อยู่ในตัวคำศัพท์ด้วย
ถ้ามีคำว่า ground อยู่ในตัวคำศัพท์ด้วย นั่นหมายถึงว่า มันเป็นเนื้อไก่งวง แบบ บด ( ground )
เมื่อนำเนื้อไก่งวงแบบ ground หรือแบบ บด มาปรุงอาหารแล้ว ก็จะมีลักษณะเป็นก้อนๆ ( เพราะมันเป็น ground ) ไม่ได้เป็นชิ้นๆ ( คือไม่ได้เป็นแบบ chopped )
และตามปกติแล้ว เนื้อไก่งวงที่จะทำให้ไขมันน้อยได้ จะต้องผ่านกรรมวิธีการบด ( คือต้องทำให้เป็น Ground ) ก่อน แล้วแยกส่วนที่เป็นไขมันออก
แต่เนื้อไก่งวงที่นำมาหั่น ( Chopped ) แล้วมีไขมันน้อย ( คือไขมันแค่ 1% ) โดยอัตโนมัติ โดยที่ไม่ต้องนำไปบดก่อน ( Ground ) แล้วแยกไขมันออก ก็เพราะ เนื้อไก่งวงที่นำมาหั่น ( Chopped ) นั้น มันเป็น "เนื้อขาว" ของไก่งวงนะครับ ( เนื้อขาวคือเนื้อบริเวณหน้าอก ) ไม่ใช่เนื้อดำของไก่งวง
เนื้อดำของไก่งวง คือส่วนอื่นๆของไก่งวง ซึ่งไม่ใช่เนื้อขาว / ซึ่งเนื้อดำจะมีไขมันมาก
- - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ไก่งวง ( Turkey ) เป็นนกที่บินไม่ได้ประเภทหนึ่ง จัดอยู่ในวงศ์ไก่ฟ้าและนกกระทา ( Phasianidae ) จัดอยู่ในวงศ์ย่อย Meleagridinae สกุล Meleagris
มีปากสั้นเรียวบาง บริเวณหัวบางส่วนและลำคอไม่มีขนที่เห็นชัด แต่มีหนังย่น ๆ และตุ่มคล้ายหูด ขนหางมี 28-30 เส้น แพนหางชี้ตั้งขึ้น ขายาว ลักษณะนิ้วตีนเหมือนกับไก่ในวงศ์ Phasianidae ตัวผู้มีเดือย ขนตามลำตัวเป็นเงา
แบ่งออกได้เป็น 2 ชนิด คือ M. gallopavo พบในอเมริกาเหนือ และ M. ocellata พบในอเมริกากลาง
ในสหรัฐอเมริกา ชาวคริสต์นิยมรับประทานไก่งวงในวันขอบคุณพระเจ้า ไก่งวง มีขนาดใหญ่กว่าไก่ทั่วไป ในการประกอบอาหาร นิยมยัดไส้นานาชนิด แล้วนำไปปรุงแต่งอาหาร
- - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเนื้อไก่งวง
* * * เนื้อดำ ( Dark Meat ) คือส่วนอื่นๆของไก่งวงที่ไม่ใช่เนื้อขาว ( White Meat ) / เนื้อดำจะมีปริมาณไขมันสูงกว่าเนื้อขาว
* * * เนื้อขาว ( White Meat ) คือ อกไก่งวง - เป็นส่วนที่มีไขมันน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับส่วนอื่นๆของไก่
* * * เนื้อดำของไก่งวง มีวิตะมินและเกลือแร่มากกว่าเนื้อขาว แต่ว่ามีไขมันและแคลอรี่มากกว่าเนื้อขาว
* * * เนื้อไก่งวง มีกรดอะมิโนทริปโตฟาน ( Aamino acid tryptophan ) ที่อาจทำให้ง่วงหลังการทานไปมากๆ ( โดยเฉพาะกทานมากๆในมื้อเย็นของวัน Thankgiving )
* * * ควรปรุงไก่งวงจนกว่าอุณหภูมิจะสูงถึง 165 องศาฟาเรนไฮต์ ( 73.89 องศาเซลเซียส )
* * * ไก่งวงที่เลี้ยงในบ้านด้วยหญ้า จะมีโอเมก้า 3 มากกว่าไก่งวงที่เลี้ยงในฟาร์มของโรงงาน
* * * การเอาหนังไก่ออก เป็นการกำจัดไขมันอย่างหนึ่ง
ข้อมูลโภชนาการ
ตามกำหนดของ กระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกา ( United States Department of Agriculture หรือคำย่อคือ USDA ) บอกไว้ว่า เนื้้อไก่งวงที่ย่างแล้ว แต่ยังไม่ได้ปรุง ขนาด 3 ออนซ์ หรือ 85 กรัม ควรจะประกอบด้วย
- 135 แครอลี่
- ไขมัน 3.26 กรัม
- คาร์โบไฮเดรต 0 กรัม
- โปรตีน 24.70 กรัม
ถ้าดูเฉพาะเนื้อดำ ในปริมาณที่เท่ากับข้างบน ( คือข้างบนนี้ เป็นเนื้อไก่ทุกส่วน รวมกันได้ 3 ออนซ์ / แต่ข้างล่างนี้ คือเนื้อดำอย่างเดียว ปริมาณ 3 ออนซ์ ) เมื่อทำการย่างแล้ว จะประกอบไปด้วย
- 173 แครอลี่
- ไขมัน 5.13 กรัม
- คาร์โบไฮเดรต 0 กรัม
- โปรตีน 23.55 กรัม
ไก่งวง ให้สารอาหารดังนี้คือ
- วิตะมิน บี 6
- วิตะมิน บี 12
- ไนอาซีน
- โคลีน
- ซีลีเนียม
- สังกะสี
ประโยชน์ที่ได้รับ
* * * เนื่องจากไก่งวงมีโปรตีนสูง ดังนั้น การทานไก่งวง จะทำให้คุณ "อิ่มนาน" ( แปลว่าอยู่ได้เกือบทั้งวัน โดยไม่รู้สึกหิวอีก )
* * * การทานโปรตีนให้เพียงพอ จะทำให้เราทรงกล้ามเนื้อไว้ได้ ( เซลล์กล้ามเนื้อไม่สูญหาย ) และทำให้ระดับอินซูลินในร่างกายคงที่หลังมื้ออาหารนั้น ( เราจึงรู้สึก "อิ่มนาน" )
* * * ให้จำไว้อย่างหนึ่งว่า โปรตีนที่เราทานไปใน "แต่ละมื้อ" นั้น มีผล - ดังนั้น เราควรจะทานแหล่งโปรตีนล้วนๆ ( Lean Protein ) ในแต่ละมื้อด้วย
ตัวเลือกที่ดีของโปรตีนล้วนๆ ก็คือ ถั่ว ( Nuts ) ,ปลา ,ไข่ไก่ ,ผลิตภัณฑ์นม ( dairy ) ,ถั่วเหลือง และพืชตระกูลถั่วทั้งหลาย ( legumes )
* * * ควรเอาหนังของไก่งวงออกก่อนรับประทาน เพราะไขมันของไก่งวง ส่วนใหญ่จะอยู่ที่หนังไก่นั่นแหละ
* * * กรดอะมิโน "ทริปโตฟาน" ในไก่งวง ช่วยทำให้ผู้บริโภคมีสุขภาพดี ,"ตื่นตัว" และมีอารมณ์ดี ถ้ากินในปริมาณที่ไม่มากเกินไป ( ถ้ากินมากเกินไป จะ "ไม่ตื่นตัว" ,จะง่วง )
* * * บริเวณอกไก่งวง จะไม่มีไขมันและให้แครอลี่น้อยกว่าส่วนอื่นๆของมัน นั่นหมายความว่า การทานไก่งวง ไม่ได้แปลว่าจะได้รับไขมันน้อย และแครอลี่น้อยกว่าเนื้อวัว เพราะมันขึ้นกับว่าคุณทานส่วนไหน ( ถ้าทานอก ก็ให้ไขมันน้อย แคลอรี่น้อย แต่ถ้าทานส่วนอื่นก็ไม่ใช่อย่างนั้น )
นั่นหมายความว่า เราไม่อาจพูดได้ว่า เบอร์เกอร์ที่ทำจากเนื้อไก่งวงบด จะมีไขมันน้อยกว่าเบอร์เกอร์ที่ทำจากเนื้อวัวบด
เพราะเนื้อไก่งวงที่นิยมนำมาบด ส่วนมากเป็นเนื้อดำของไก่งวง ( คือไม่ใช่เนื้อขาว ( เนื้อขาว คืออก ) ) ซึ่งเนื้อดำของไก่งวง จะมีไขมันอิ่มตัว ( saturated fat ) ที่สูงเทียบเท่ากับเนื้อวัวบดเลยทีเดียว
* * * ก่อนจะซื้อไก่งวง ให้อ่านฉลากที่ติดไว้ให้ดี ว่าไก่งวงที่จะซื้อ มีไขมันเท่าไร เพื่อเปรียบเทียบสินค้า
- END -
0% Greek Yogurt
0% Greek Yogurt
ระยะหลังกรีกโยเกิร์ตฮิตในบ้านเรา มีผู้ผลิตโยเกิร์ตไทย หลายยี่ห้อผลิต กรีกโยเกิร์ต ( greek yogurt ) ทำออกมาขาย หาซื้อง่ายกว่า
แต่ก่อนเยอะ ส่วนตัวผมทานกรีกโยเกิร์ตประจำ เพราะเอามาปั่นใส่ทำสมูทตี้ และมักได้ยินคำถาม จากคนรอบข้าง ว่าแล้วไอ้กรีกโยเกิร์ต มันต่างกับโยเกิร์ตทั่วไปยังไง ? แน่นอนว่า กรีกโยเกิร์ต มันมีข้อดีกว่าหลายอย่าง
กรีกโยเกิร์ต มีส่วนผสมหลักๆ คือ นม และ เชื้อแบคทีเรียที่ดี ( Bacterial Cultures ) แต่ละยี่ห้ออาจจะใส่ผลไม้ ใส่น้ำตาลเพิ่มว่ากันไป แต่หลักๆแล้ว กรีกโยเกริ์ต ก็คือ โยเกิร์ตธรรมชาติที่ยังไม่ปรุงแต่ง ( Plain Yogurt ) นั่นเอง เพียงแต่มีการนำน้ำ และเวย์ ออกไป ทำให้ตัวเนื้อโยเกิร์ตเข้มข้นกว่าเดิม ( รวมถึงรสชาติที่เปรี้ยวกว่าโยเกิร์ตทั่วไป )
เมื่อมีส่วนผสมที่เป็นน้ำกว่าโยเกิร์ตทั่วไป จึงมีสารอาหารและโปรไบโอติกส์มากขึ้นด้วย เช่น กรีกโยเกิร์ตหนึ่งถ้วยจะมีโปรตีนมากกว่าแบบธรรมดาถึงเท่าตัว น้ำตาลน้อย คาร์บโปไฮเดรตก็น้อยกว่า แถมยังทานแล้วอิ่มเร็วกว่า อิ่มท้องมากกว่า เหมาะกับคนที่ต้องการลดน้ำหนัก และควบคุมอาหารเป็นอย่างมากทีเดียว
ส่วนประกอบของ "โยเกิร์ตทั่วไป" ( ไม่ใช่กรีกโยเกิร์ตนะครับ ) แบบไม่มีไขมัน และไม่ปรุงแต่ง ในขนาด 6 ออนซ์ ( 170.1 กรัม )
1.Calories: 80
2.Total fat: 0 grams
3.Cholesterol 5 milligrams
4.Sodium: 120 milligrams
5.Sugar: 12 grams
6.Protein: 9 grams
7.Calcium: 30 percent on a 2,000-calorie diet
ส่วนประกอบของ "กรีกโยเกิร์ต" แบบไม่มีไขมัน และไม่ปรุงแต่ง ในขนาด 5.3 ออนซ์ ( 150.25 กรัม )
1.Calories: 80
2.Total fat: 0 grams
3.Cholesterol: 10 milligrams
4.Sodium: 50 milligrams
5.Sugar: 6 grams
6.Protein: 15 grams
7.Calcium: 15 percent on a 2,000-calorie diet
สรุปความแตกต่างของกรีกโยเกิร์ต กับโยเกิร์ตทั่วไป
1.โปรตีน - กรีกโยเกิร์ตมีมากกว่าเท่าตัว
2.ไขมัน - เนื่องจากน้ำน้อยลง มีนมมากกว่า ไขมันอิ่มตัวจึงมากกว่าโยเกิร์ตธรรมดาตามไปด้วยถึง 3 เท่า ดังนั้นเลือกทานกรีกโยเกิร์ตสูตร low fat หรือ fat free จะดีที่สุด
3.โซเดียม - กรีกโยเกิร์ต โซเดียมน้อยกว่าโยเกิร์ตธรรมดาครึ่งหนึ่ง
4.คาร์บโบไฮเดรต - กรีกโยเกิร์ต มีคาร์บโบไฮเดรต น้อยกว่าโยเกิร์ตทั่วไป ครึ่งหนึ่ง แต่ทั้งนี้สำหรับรสปรุงแต่ง อย่างรสผลไม้ อาจจะต้องดูปริมาณน้ำตาลให้ดีก่อน
5.แคลเซียม - กรีกโยเกิร์ต จะพร่องแคลเซียมเนื่องจากขั้นตอนการผลิต แต่ก็ยังเป็นอาหารที่อุดมแคลเซียม
- END -
Whey Protein
Whey Protein
เวย์โปรตีน
เรื่องของโภชนาการนั้นถือเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับร่างกายมนุษย์ เพราะแบบนี้เองมนุษย์ถึงควรเลือกรับประทานอาหารที่ได้ประโยชน์ ซึ่งโปรตีนนั้นเป็นหนึ่งในสารอาหารที่จำเป็นสำหรับร่างกายคนเราอย่างมาก เนื่องจากในโปรตีนมีกรดอะมิโนจำเป็นที่จะทำประโยชน์ให้กับร่างกายได้หลากหลายประการด้วยกัน แต่เพราะลำพังแค่การกินไก่ หรือเนื้อย่างเดียวอาจทำให้ร่างกายคนเรารับโปรตีนเข้าไปไม่เพียงพอต่อที่ต้องการในแต่ละวัน จึงทำให้เวย์โปรตีนถูกคิดค้นขึ้นมานั่นเอง
โปรตีนช่วยสร้างประโยชน์ให้กับร่างกายอย่างไรบ้าง
* * * 1. ร่างกายทำงานเป็นปกติ
โปรตีนช่วยให้การทำงานของร่างกายเป็นปกติ เพราะกรดอะมิโนในโปรตีนจะช่วยสร้างฮอร์โมน เอนไซม์ ภูมิคุ้มกัน และช่วยรักษาปริมาณน้ำในเซลล์และหลอดเลือดให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
* * * 2. จำเป็นต่อร่างกาย
ร่างกายคนเราจะขาดโปรตีนไปไม่ได้เด็ดขาด เพราะทุกกิจกรรมที่ทำตั้งแต่การขยับตัวนั้นจะทำให้สูญเสียมวลกล้ามเนื้อ จึงต้องกินโปรตีนเข้ามาทดแทน
* * * 3. ออกกำลังกายได้นานขึ้น
โปรตีนช่วยให้ออกกำลังกายได้นานขึ้น และลดอาการบาดเจ็บได้อีกด้วย เพราะโปรตีนจะเข้าไปเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรง และซ่อมแซมกล้ามเนื้อที่สูญเสียไปนั่นเอง
* * * 4. หุ่นดีขึ้น
การทานโปรตีนคุณภาพช่วยให้หุ่นดีขึ้นได้ เพราะโปรตีนช่วยให้อิ่มท้องได้นานกว่าการกินข้าว หรือแป้ง และไขมัน ที่สำคัญโปรตีนยังช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรง กระชับ เพราะฉะนั้นคนที่อยากให้น้ำหนักลด เพื่อที่จะได้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง หุ่นดี ก็ควรเลือกรับประทานโปรตีนคุณภาพดีเท่านั้น ซึ่งหาได้จาก ไข่ขาว เนื้อปลา และอกไก่ โดยใช้การปรุงอาหารแบบต้ม ตุ๋น นึ่ง ย่าง แทนการทอดและผัด
* * * 5. ร่างกายมีแรงเพิ่มขึ้น
โปรตีนจะช่วยให้ร่างกายมีแรงขึ้นอีกครั้ง โดยเฉพาะสำหรับผู้สูงอายุและผู้ป่วย ซึ่งร่างกายอาจไม่ได้รับโปรตีนเพียงพอ หรือต้องการโปรตีนปริมาณมากเพื่อซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ
เลือกทานโปรตีนในปริมาณที่เหมาะสม
การเลือกทานโปรตีนนั้น ต้องคำนึงถึงปริมาณที่เหมาะสมด้วยในแต่ละคน เพราะแต่ละช่วงวัย ความต้องการโปรตีนของร่างกายก็แตกต่างกัน รวมถึงไลฟ์สไตล์ การใช้ชีวิตที่อาจจะไม่โลดโผนมากนักก็ทำให้ความต้องการโปรตีนแตกต่างกัน เช่น คนที่ชอบออกกำลังกายบ่อย ๆ ก็ต้องการโปรตีนมากกว่าคนที่ไม่ออกกำลังกาย หรือผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ ก็ควรจะได้รับโปรตีนมากกว่าผู้หญิงทั่วไป รวมทั้งคนป่วยบางคนก็อาจจะต้องการโปรตีนในปริมาณที่สูงมากเช่นกัน โดยเฉพาะนักกีฬาที่ต้องการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ คนที่กินมังสวิรัติ ไม่ทานเนื้อสัตว์เลย คนเหล่านี้ก็อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่จะได้รับโปรตีนไม่เพียงพอ เพราะฉะนั้นจึงต้องทานเวย์โปรตีนเข้ามาช่วยร่างกายด้วยอีกแรงนั่นเอง
เวย์โปรตีน คืออะไร
เวย์โปรตีน คือ แหล่งของโปรตีนคุณภาพสูง ที่เต็มไปด้วยสารสำคัญ และกรดอะมิโนจำเป็น ที่สกัดได้จากนมวัว โดยการสกัดนี้ได้นำเอาคาร์โบไฮเดรตและไขมันออกไป ให้เหลือแค่โปรตีนอย่างเดียวเลยเพียว ๆ เพื่อให้ร่างกายได้รับโปรตีนที่ครบถ้วนต่อความต้องการในแต่ละวันนั่นเอง จากนั้นก็นำมาผ่านกระบวนการทำให้แห้งเพื่อให้เป็นผง และสามารถเก็บไว้ได้นาน รวมทั้งชงทานได้อย่างง่ายดาย
เวย์โปรตีน เป็นโปรตีนที่ย่อยง่าย ร่างกายเอาไปใช้งานได้เร็วสุด ๆ ซึ่งปัจจุบันเนื่องจากกระแสการดูแลสุขภาพนั้นมาแรงมาก ทำให้คนหันไปออกกำลังกายมากขึ้น ส่งผลให้เวย์โปรตีนขายดี เพื่อที่จะมาซ่อมแซมกล้ามเนื้อ และเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้เห็นผลลัพธ์อย่างรวดเร็ว ด้วยเหตุนี้จึงมีการจำหน่ายเวย์โปรตีนในท้องตลาดมากมาย รวมถึงร้านค้าออนไลน์ด้วยเช่นกัน ซึ่งการจะทานเวย์โปรตีนให้ปลอดภัยนั้น ก็ควรเลือกสูตรที่เหมาะสมกับความต้องการของตัวเองด้วย
ทำความรู้จักกับ เวย์โปรตีน ทั้ง 3 ชนิด
ทุกวันนี้ในท้องตลาดนั้นมีเวย์โปรตีนอยู่ทั้งหมด 3 แบบด้วยกัน คือ
* * * 1.เวย์โปรตีน คอนเซนเทรท – เวย์โปรตีนชนิดนี้จะมีความเข้มข้นอยู่ประมาณ 70-80% เป็นผงสีครีมอ่อน และมีกลิ่นรสตามธรรมชาติแบบนม เต็มไปด้วยกรดอะมิโนครบทั้ง 20 ชนิด และกรดอะมิโนจำเป็นอีก 8 ชนิดที่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นมาเองได้ ทำให้กล้ามเนื้อใหญ่ขึ้น ป้องกันการติดเชื้อ และเสริมภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายอีกต่างหาก
* * * 2.เวย์โปรตีน ไอโซเลต – เวย์โปรตีนชนิดนี้ได้จากการนำเวย์โปรตีน คอนเซนเทรทมาผ่านกระบวนการผลิตเพิ่มเติม ทำให้มีความเข้มข้นของโปรตีนสูงขึ้นไปอีก มากกว่า 90% เลยทีเดียว เป็นผงสีครีมอ่อน และมีกลิ่นธรรมชาติแบบนมเหมือนกัน
* * * 3.เวย์โปรตีน ไฮโดรไลซ์ – เป็นเวย์โปรตีนแบบที่ 1 และ 2 ที่ผ่านกระบวนการไฮโดรไลซ์ ทำให้โมเลกุลของเวย์โปรตีนที่มีขนาดใหญ่ ถูกย่อยจนเป็นเปปไทด์ ทำให้มีโปรตีนบริสุทธิ์สูงถึง 100% ซึ่งมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์บอกด้วยว่า เวย์โปรตีนในรูปแบบของเปปไทด์นั้นร่างกายจะดูดซึมได้ดีที่สุด ซึ่งมีงานวิจัยทางคลินิกแสดงให้เห็นว่าเวย์โปรตีน สามารถช่วยส่งเสริมภาวะโภชนาการ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน และทำให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยโรคมะเร็งดีขึ้นได้
เวย์โปรตีน สำคัญแค่ไหน ร่างกายคนเราต้องการมากเท่าไหร่ในแต่ละวัน
อย่างที่รู้กันดีว่าเวย์โปรตีนนั้นเป็นที่นิยมมากในหมู่คนเล่นกล้าม เพื่อให้กล้ามมีรูปทรงที่สวยงาม ปกติแล้วคนเราจะต้องการโปรตีน 1 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม แต่สำหรับคนที่ออกกำลังกายหนัก ๆ เช่น ยกน้ำหนัก เพาะกาย คนพวกนี้เค้าต้องการปริมาณโปรตีนถึงวันละ 1.2-1.8 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมเลยทีเดียว
ซึ่งการกินเวย์โปรตีนจึงเป็นทางเลือกที่ง่ายที่สุด และปลอดภัยที่สุดสำหรับคนเหล่านี้ เพราะเป็นแหล่งของกรดอะมิโนจำเป็น เพิ่มความแข็งแกร่งทนทานของกล้ามเนื้อ และช่วยปกป้องกล้ามเนื้อไม่ให้เกิดอาการฝ่อ ลีบ ระหว่างที่ไม่ได้ออกกำลังกาย ทำให้ออกกำลังกายได้นานขึ้น ลดอาการอ่อนล้า และอาการบาดเจ็บ
โดยในทุกวันนี้การทานเวย์โปรตีนไม่ได้จำกัดอยู่แค่เฉพาะหมู่คนเล่นกล้ามอีกต่อไป แต่เวย์โปรตีนนั้นเหมาะสมสำหรับผู้ที่ชื่นชอบในการออกกำลังกายทุกประเภท เพราะสามารถซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอได้ รวมทั้งเวย์โปรตีนนั้นเหมาะสมกับผู้สูงอายุ และผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักด้วยเช่นกัน
คุณสมบัติพิเศษของเวย์โปรตีน
เวย์โปรตีนนั้นอย่างที่บอกไปว่านอกจากจะเป็นตัวให้กรดอะมิโนที่จะทำให้ร่างกายเสริมสร้างกล้ามเนื้อต่าง ๆ แล้ว ยังช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันโรค ช่วยต่อต้านหรือยับยั้งเชื้อแบคทีเรียในทางเดินอาหาร ช่วยกระตุ้นฮอร์โมนที่ทำให้รู้สึกอิ่ม ช่วยให้ห่างไกลจากภาวะโรคอ้วน
เวย์โปรตีน สำคัญกับมนุษย์เรามากน้อยแค่ไหน
เวย์โปรตีนเป็นอาหารโปรตีนที่ดีมาก ๆ สำหรับมนุษย์เรา ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อและลดน้ำหนักจากการออกกำลังกายได้เป็นอย่างดี โดยหัวใจสำคัญที่ทำให้เวย์โปรตีนนั้นมีชื่อเสียงขึ้นมาก็เพราะ ในเวย์โปรตีนมีกรดอะมิโนจำเป็นที่ร่างกายสร้างเองไม่ได้และต้องได้รับจากอาหารเท่านั้น ซึ่งเรียกว่า Essential Amino Acids ( EAA ) นอกจากนี้ยังมี Conditionally Essential Amino Acids ( CEAA ) เป็นกรดอะมิโนที่ร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้ชั่วคราว เช่น เมื่อเราเจ็บป่วยหรือร่างกายสร้างไม่เพียงพอ เราก็จำเป็นต้องรับกรดอะมิโนนี้จากอาหารเช่นกัน
นอกจากนี้ยังมีกรดอะมิโนบางกลุ่มอีกด้วยที่ผู้ออกกำลังกายอย่างหนักจำเป็นต้องใช้ ซึ่งก็คือ กรดอะมิโนในกลุ่ม Branched – Chain Amino Acids ( BCAAs ) และ Glutamine อีกทั้งยังมีกรดอะมิโน Cysteine ที่ช่วยกำจัดอนุมูลอิสระ ต้นเหตุของปัญหามะเร็งอีกด้วย
ดังนั้นโปรตีนที่ดีสำหรับมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ออกกำลังกายนั่นก็คือ โปรตีนที่มีสัดส่วนของกรดอะมิโนจำเป็นชนิดต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง EAA และ CEAA อยู่อย่างพอเหมาะ และมีปริมาณของ BCAAs, Glutamine และ Cysteine อยู่มากนั่นเอง
กินเวย์โปรตีนยังไงถึงจะได้ผล
จริง ๆ แล้วเวย์โปรตีน ก็เหมือนกับอาหารธรรมชาติปกติทั่วไปที่ถูกทำให้ได้ประสิทธิภาพที่เข้มข้นกว่าเดิม และทานง่ายขึ้นเท่านั้น เป็นเหมือนกับนมชนิดนึงที่ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ได้มากกว่านมปกติ แต่เวย์โปรตีนไม่ใช่ยา การกินเวย์โปรตีนจึงสามารถกินได้อิสระ เหมือนกับอาหารทั่วไป กินตอนไหน กี่โมง ก็ได้ผลหมด ไม่มีข้อจำกัด
โดยวิธีการกินเวย์โปรตีนให้ได้ผลดีที่สุดกับร่างกายก็คือ กินเวย์โปรตีนอย่างน้อย 20-30 กรัม เพื่อให้เกิดภาวะ Hyperaminoacidemia ซึ่งช่วยกระตุ้นการสร้างโปรตีนในร่างกาย
สำหรับใครที่จะแบ่งกินเวย์โปรตีนครั้งละน้อย ๆ เช่น ทีละ 5 กรัม ถึงจะได้ผลเหมือนกัน แต่ก็ไม่เท่ากับการทานครั้งละมาก ๆ เพราะจะไม่เกิดการ Hyperaminoacidemia ทำให้ร่างกายไม่ถูกกระตุ้นให้สังเคราะห์โปรตีนได้ดี อาจมีบางส่วนถูกนำไปใช้ทำอย่างอื่นหรือถูกขับทิ้ง
ถ้าใครที่อยากกินเวย์มากกว่าวันละ 40-50 กรัม ให้แบ่งออกเป็นหลาย ๆ มื้อ อาจจะมื้อละสัก 20-30 กรัมก็ได้ ดีกว่ากินครั้งเดียวหมด เพราะร่างกายจะได้รับโปรตีนตลอดทั้งวัน เพราะการกินโปรตีนมากกว่าครั้งละ 40 กรัม จะทำให้ร่างกายดูดซึมได้ไม่หมด
และเพราะการกินเวย์โปรตีนนั้นไม่ใช่การกินยา แต่เป็นการกินอาหารปกติ ทำให้ปริมาณที่ควรกินในแต่ละวันนั้นไม่ตายตัว อยากกินเท่าไหร่ก็แล้วแต่เราเลย ขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวและจุดประสงค์เป็นหลักมากกว่า แต่ถ้าจะให้ดีอย่างน้อย ๆ ก็ควรกินเวย์โปรตีนให้ได้ 20-30 กรัม/วัน
นักกีฬากินเวย์โปรตีนมากแค่ไหนถึงจะดี
สำหรับนักกีฬาหรือนักเพาะกายที่ฝึกหนัก ๆ ก็มีการศึกษาออกมาบอกว่าควรกินเวย์โปรตีนให้ได้ 2 กรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ในแต่ละวัน โดยให้แบ่งเป็น 4-6 มื้อ ไม่กินเวย์โปรตีนครั้งเดียวหมด เพื่อป้องกันภาวะ Overtraining Sydrome หรือก็คือการใช้งานกล้ามเนื้อหนักเกินไปนั่นเอง
ถ้ากินวันละครั้งเดียว ให้กินภายในเวลา 30-60 นาทีหลังจากออกกำลังกาย เพราะจะเป็นช่วงที่เลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อมากและกล้ามเนื้ออยู่ในภาวะที่ต้องการสารอาหาร แต่สำหรับใครที่ไม่สะดวกก็กินเวลาอื่นได้ เพราะร่างกายสามารถเอาไปใช้งานได้ดีเหมือนกัน ต่างกันไม่เท่าไหร่
กินเวย์โปรตีนกับอะไรได้บ้าง
สำหรับใครที่ไม่รู้ว่าจะทานเวย์โปรตีนกับอะไรดีก็สามารถผสมกับน้ำ น้ำผลไม้ หรือน้ำที่ผสมคาร์โบไฮเดรต เช่น กลูโคส ก็ได้ บางคนอาจจะนำเวย์โปรตีนมาปั่นกับน้ำผลไม้ก็ได้เหมือนกัน มีการศึกษาพบว่า การกินเวย์ผสมกับคาร์โบไฮเดรตหลังออกกำลังกายเสร็จ จะยิ่งช่วยให้เวย์โปรตีนมีประสิทธิภาพมากขึ้นและได้ผลยิ่งกว่าการทานกับน้ำเปล่า
การทานเวย์โปรตีนที่ถูกต้องนั้นไม่ควรใช้น้ำร้อน ให้ใช้น้ำธรรมดา หรือน้ำเย็น เพราะอาจทำให้เวย์จับตัวเป็นก้อน และทานยากกว่าเดิม
กินเวย์โปรตีนตอนไหนดีต่อร่างกายที่สุด
สำหรับช่วงที่เวย์โปรตีนออกฤทธิ์ได้ดีที่สุดนั้น คือช่วงเวลาที่ร่างกายเรามีกรดอะมิโนในระดับต่ำ ซึ่งก็คือช่วงก่อนนอน หรือช่วงตื่นนอนใหม่ ๆ รวมทั้งช่วงหลังออกกำลังกาย และช่วงที่รู้สึกหิวมาก ๆ นั่นเอง
* * * ช่วงตื่นนอน – จะเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายของเราพักผ่อนเป็นเวลานานโดยที่ไม่มีสารอาหารมาหล่อเลี้ยง หากกินเวย์โปรตีนในช่วงตื่นนอนจะสามารถช่วยป้องกันการสลายของกล้ามเนื้อได้ดี และร่างกายจะดูดซึมได้ดีกว่าช่วงเวลาอื่นเพราะท้องยังว่างอยู่นั่นเอง
* * * ช่วงหลังออกกำลังกาย – จะเป็นช่วงที่สำคัญที่สุดเพราะร่างกายจะได้พักจากการใช้กล้ามเนื้ออย่างหนักในการฝึก หากทานในช่วงเวลานี้จะทำให้ร่างกายดูดซับเอาเวย์โปรตีนเข้าไปเสริมสร้าง และซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอได้เร็วขึ้น
ช่วงก่อนนอน – จะเป็นช่วงที่สำคัญพอ ๆ กับช่วงอื่น ๆ เพราะในระหว่างที่ร่างกายเรากำลังพักผ่อน ร่างกายก็ต้องการโปรตีนไปซ่อมแซมร่างกายส่วนที่กล้ามเนื้อฉีกขาดและสึกหรอจากการใช้งานทั้งวัน และทำให้ร่างกายมีโปรตีนเพียงพอในการซ่อมแซมขณะที่เราหลับ
* * * ช่วงเวลาที่เราหิว – เป็นช่วงเวลาที่ร่างกายมีสารอาหารไม่เพียงพอ หากเราต้องการทานเวย์โปรตีนในช่วงเวลานี้ให้ลองปั่นรวมกับผลไม้ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่สะดวกและรวดเร็ว
ทานอาหารมื้อหลักกับเวย์โปรตีน ช่วยให้หุ่นดีขึ้น
คนส่วนมากมักจะทานเวย์โปรตีนกับอาหารมื้อหลัก เพื่อช่วยในการดูแลสุขภาพร่างกาย และลดหุ่นให้ดูดี เพราะการทานอาหารครบ 5 หมู่จะช่วยให้ร่างกายเผาผลาญไขมันได้ดีขึ้น ซึ่งเราสามารถทานอาหารมื้อหลักคู่กับเวย์โปรตีนได้โดยไม่เกิดผลข้างเคียงใด ๆ ทั้งสิ้น การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์เพียงพอ และทานเวย์โปรตีนร่วมด้วย ก็จะช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์และจำเป็น
ซึ่งไม่ควรอย่างยิ่งที่จะทานเวย์โปรตีนแทนอาหารหลัก เพราะเวย์โปรตีนเป็นแค่อาหารเสริมที่จะช่วยให้น้ำหนักของเราลดลงได้ และสร้างกล้ามเนื้อขึ้นมาแทน แต่การจะมีสุขภาพร่างกายที่ดี สมบูรณ์ แข็งแรงได้นั้นต้องได้รับสารอาหารที่เพียงพอทั้ง 5 หมู่ และไม่ควรทานแต่โปรตีนแค่เพียงอย่างเดียว ควรจะทานอาหารมื้อหลักและอาหารเสริมเวย์โปรตีนควบคู่กันไป เพื่อให้มีสุขภาพดี ร่างกายแข็งแรง และไม่ทรมานร่างกายนั่นเอง
ผลข้างเคียงจากการกินเวย์โปรตีน
หลายคนอาจสงสัยว่าถ้าทานเวย์โปรตีนมากเกินไปจะมีผลข้างเคียงใด ๆ มั้ย ตรงนี้บอกเลยว่าเวย์โปรตีนนั้นทำจากนม ผลข้างเคียงจึงเหมือนกับการที่เรากินนมอื่น ๆ ทั่วไป เช่น ท้องอืด ท้องเสีย ใครทานแล็กโตสมากไม่ได้ ก็อาจจะมีอาการเหล่านี้เกิดขึ้นเมื่อทานเวย์โปรตีน
ซึ่งถ้าใครที่แพ้นมแต่อยากทานเวย์โปรตีนก็สามารถเลือกทานเวย์ชนิด WPI ได้ เพราะมีความเข้มข้นของแล็กโตสต่ำมาก ทำให้ต่อให้แพ้แล็กโตสก็สามารถทานได้ หรืออาจจะทานเวย์โปรตีนบางชนิดที่ผสมเอนไซม์ช่วยย่อยแล็กโตสไว้ก็จะลดปัญหานี้ไปได้เช่นกัน
ส่วนอาการอื่น ๆ ที่พบได้จากการทานเวย์โปรตีนก็คือ บางคนแพ้โปรตีนที่มีอยู่ในนมวัว ก็อาจต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่กำจัด Beta – lactoglobluin ซึ่งทำให้เกิดการแพ้ได้บ่อยออกไป หรือใช้เวย์ที่มี WPH ผสมอยู่มากเพราะเวย์ชนิดนี้มีโอกาสแพ้น้อย
นอกจากนี้โปรตีนที่มีอยู่ในเวย์ก็ให้พลังงานเท่ากับคาร์โบไฮเดรต หรือก็คือ 4 แคลอรีต่อกรัม ซึ่งถ้ากินเวย์โปรตีนมากเกินไปแล้วไม่ยอมออกกำลังกายให้เหมาะสม ก็จะเหมือนกับว่าเรากินแป้งเข้าไปมาก ๆ แล้วไม่ทำอะไรสักอย่าง ซึ่งก็จะกลายเป็นว่าจากหุ่นดี ๆ กลายเป็นคนอ้วนมีไขมันสะสมในร่างกายแทน
และผลข้างเคียงสุดท้ายของการทานเวย์โปรตีนก็คือ เวย์เป็นอาหารที่มีความเข้มข้นของโปรตีนสูง เพราะฉะนั้นคนที่เป็นโรคตับ โรคไตนั้น ควรจะปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน เพราะผู้ที่มีปัญหาเหล่านี้มักจะต้องจำกัดปริมาณของโปรตีนที่ได้รับในแต่ละวัน ไม่ให้มากเกินไป ไม่เช่นนั้นอาจจะเป็นอันตรายต่อร่างกายได้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : omgthailand.net
- END -
Subscribe to:
Posts (Atom)