Thursday, April 2, 2020

Lactic Acid


กรดแลคติก

กรดแลคติก เป็นของเสียที่เกิดจากขบวนการ anaerobic metabolism หรือการหายใจ(การเผาผลาญพลังงาน) ที่ไม่ใช้ออกซิเจน เช่นการออกกำลังกาย หรือทำงานหนัก กรดแลคติก จะทำให้กล้ามเนื้อล้า แต่เมื่อพักกรดแลคติก จะถูกเผาผลาญให้พลังงานต่ออีกด้วยขบวนการ aerobic metabolism หรือการใช้ออกซิเจนเหมือนในภาวะปกตินั่นเอง ทำให้เมื่อได้พัก กล้ามเนื้อจะเมื่อยล้าลดลง เล่นต่อได้อีก
       การเกิดกรดแลคติกในกล้ามเนื้อเป็นผลจากการออกกำลังกายแบบ anaerobic โดยในสภาวะที่มีกรดแลคติกในเลือดสูง(เกิน 4 มิลลิโมล/ลิตร)การหดตัวของกล้ามเนื้อจะถูกยับยั้งเนื่องจาก โปรทีนในเซลล์กล้ามเนื้อจะไม่สามารถทำงานได้ในสภาวะที่เป็นกรดสูง และกรดแลคติกก็จะไปปิดกั้นผนังเซลล์ ทำให้เกิดการสะสมของๆเสียและ ไมโตครอนเดรีย(Mitochrondria)ก็ไม่สามารถสังเคราะห์ ATP ซึ่งเป็นพลังงานของร่างกายได้ ทำให้เกิดการล้าของกล้ามเนื้ออย่างทันที ความรู้สึกง่ายๆ คือ ปวดเมื่อย

       ส่วนกล้ามเนื้อที่ล้าเนื่องจากขีดจำกัดในการทำงานของมันเช่นการออกกำลังกายแบบ aerobic (เช่นปั่นจักรยาน หรือวิ่ง) นานๆกล้ามเนื้อก็มีข้อจำกัดในการทำงานเช่นกันความทนทานในการทำงานของกล้ามเนื้อก็สามารถสร้างได้โดยการออกกำลังเพื่อสร้างความทนทานแบบต่างๆ (Endurance Training)

       อธิบายก็อาจเห็นภาพยาก เอาเป็นว่าทดลองดูดีกว่าครับ หา ดัมเบลขนาดเหมาะมือใว้ในมือนะครับ แล้วก็ลองยกดูช้าๆค่อยๆยก จะรู้สึกว่ายกได้เรื่อยๆ หลายครั้งกว่าจะรู้สึกล้า คราวนี้ลองใหม่(อาจเป็นแขนอีกข้าง)ลองยกเร็วๆ เลยครับ รับรองว่าทำได้ไม่มาก เท่าช้าๆแล้วกล้ามเนื้อก็จะล้าอย่างรวดเร็ว อาการก็จะเป็นแบบปวดเมื่อย ลองทำดูครับแล้วจะได้รู้สึกว่าความแตกต่างของอาการดังกล่าวมันเป็นยังไง (กล้ามเนื้อแขน Biceps มีส่วนประกอบเป็นกล้มเนื้อขาวเป็นหลัก)

       ทีนี้ก็สามารถนำหลักการที่ว่ามาไปวิเคราะห์หาสาเหตุว่าคุณเมื่อยแบบไหนได้ครับ  การยกน้ำหนักแบบหนักๆช้าๆ บางทีทำได้ไม่กี่ครั้งก็เมื่อยล้าแล้ว เพราะ ความทนทานของกล้ามเนื้อเกี่ยวข้องกับ งานที่ทำด้วยครับ แต่ถ้าคุณยกเวทแบบแรงๆเร็วก็จะเป็นการทำงานแบบ anaerobic ที่เกิดกรดแลคติกนั่นเองครับ(การยกช้าๆจะทำได้หลายครั้งกว่า)

       และขอบอกก่อนว่าค่า Anaerobic threshold นั้นแตกต่างกันไปในแต่ละคนครับ จะไม่ใช่ค่า 85% ของMaximum Heart rate เสมอไป จุดที่บ่งชี้ว่าค่านี้อยู่ตรงไหน หากวัดทางตรง(คือการตรวจเลือดขณะออกกำลังกาย)จะพบว่า ค่า AT คือจุดที่มีกรดแลคติกในเลือดสูงกว่า 4 มิลลิโมล/ลิตร ซึ่งเป็นปริมาณที่ร่างกายไม่สามารถขจัดออกไปได้ทัน(คนปรกติจะมีปริมาณกรดแลคติกในเลือดขณะพักประมาณ1-2 มิลลิโมล/ลิตร,ส่วนในนักกีฬาที่แข่งขันแบบ Anaerobic อาจมีกรดแลคติกในเลือดสูงถึง25-30 มิลลิโมล/ลิตร เป็นระยะเวลาหลายนาที เลยทีเดียว)

       เนื่องจากว่าเมื่อปริมาณกรดแลคติกเกิน 4 มิลลิโมล/ลิตรเป็นปริมาณที่ร่างกายไม่สามารถขจัดออกไปได้ทัน ร่างกายจึงมีการปรับตัวโดยมีอัตราการเต้นของชีพจรสูงขึ้น โดยจุดที่อัตราชีพจรเพิ่มขึ้นอย่างทันทีนี้สามารถหาได้โดยการทำ conconi test มักมีค่า80-85% ของชีพจรสูงสุด

       แต่อย่างไรก็ตามค่าดังกล่าว(80-85%)ก็เป็นค่าทางสถิติ สำหรับนักกีฬาที่แข็งแรงจะมีค่านี้สูง ถ้าเปรียบเทียบกับ คนธรรมดาที่ไม่เคยออกกำลังกาย ถ้าอยู่ๆเอามาวิ่งสปริ้นทร์ ร่างกายก็จะทำงานแบบ anaerobic ทันที แสดงว่า มีค่า AT ต่ำ
ถ้าเล่าต่อไปยาวกว่านี้มันจะไม่จบซะทีเอาเป็นว่า ถ้ามีข้อสงสัยใดอีกก็ถามมาได้เลยแล้วกันครับยินดีให้คำแนะนำ

- END -