Sunday, April 12, 2020

Clean Cheat Meal


Clean Cheat Meal

      การทานอาหารของนักเพาะกายแต่ก่อนนั้น จะมีอยู่ 3 รูปแบบโดยแยกกันด้วยประเภทของการทาน ดังนี้คือ

       รูปแบบที่ 1 - Clean Meal


       รูปแบบที่ 2 - Cheat Meal


       รูปแบบที่ 3 - Clean Cheat Meal ( รูปแบบนี้ คือรูปแบบที่เราจะพูดถึงกัน ในเวบหน้านี้แหละครับ )


       ผมขออธิบายการทานแต่ละรูปแบบดังนี้นะครับ




รูปแบบที่ 1 - Clean Meal


       Clean Meal เป็นมื้ออาหารของนักเพาะกาย ที่มีส่วนประกอบของสารอาหาร "ครบถ้วน" เพียงแต่ว่าจะถูกจำกัดเรื่องไขมัน ,เรื่องเกลือ ,เรื่องน้ำตาล และตัวที่เสี่ยงต่อการเพิ่มของไขมัน เอาออกไปจากอาหารนั้น

       ยกตัวอย่างเช่น อาหารประเภทเนื้อ ( คือตัวให้โปรตีน ) เขาก็จะไม่ใช้เนื้อแดง ( คือเนื้อวัว ) แต่จะใช้ไก่ ใช้ปลาแทน เพราะมีไขมันในเนื้อน้อยกว่าเนื้อวัว

       ส่วนผัก ( คือตัวให้วิตะมิน ) ก็จะเป็นพวกผัก บล็อคโคลิ ที่ไม่ทำให้อ้วน

       ส่วนตัวให้พลังงาน ( คือคาร์โบไฮเดรต ) ก็จะเป็นข้าวสวยเปล่าๆ

       นอกนั้น จะถูกกำจัดออกหมด

       คำว่า "ถูกกำจัดออกหมด" ก็ได้แค่ตัวที่ทำให้อาหารมีรสชาติ อันได้แก่ ไขมันที่อยู่ที่หนัง ,ซอสปรุงรส เช่นพวกซอสถั่วเหลือง ,น้ำมันพืชที่จะใช้ผัดข้าว เพื่อให้ข้าวมีรสชาติขึ้น ,เกลือที่ถูกโรยลงบนอาหารเพื่อเรียกน้ำลายในปากให้ "สอ" ขึ้นมา และเกิดอาการอยากอาหาร ฯลฯ - พวกนี้แหละครับ ที่จะไม่มีในอาหารที่เขาเรียกว่า Clean Meal เลย


       นักเพาะกายหลายคน จะทานแบบนี้ทุกมื้อทุกวัน  โดยเขาจะจัดเตรียมอาหารด้วยตัวเองใส่กล่องทัปเปอร์แวร์ ( แบบที่เห็นในรูปข้างบนนี้ ) เก็บเอาไว้ แล้วเมื่อถึงเวลาจะทาน ก็เอาไปอุ่น แล้วก็รับประทาน / สาเหตุที่นักเพาะกายต้องเตรียมอาหาร "ด้วยตัวเอง" ก็เพราะว่า เขาจะได้มั่นใจว่าไม่มีการใส่เกลือ ,ใส่ซอส ,ใส่น้ำตาลลงไปในอาหารด้วย เพราะเขาเป็นคนเตรียมอาหารเองกับมือ / ซึ่งถ้าเขาไปจ้างแม่ค้าให้ทำ เขาก็ต้องมานั่งวิตกกังวลว่า แม่ค้าจะเผลอใส่เกลือ ใส่ซอสลงไปหรือเปล่า ( ลักษณะของนักเพาะกายที่ชอบทานแบบ Clean Meal ก็มักจะเป็นพวกที่วิตกกังวลมากกว่คนปกติอยู่แล้ว  ดังนั้น จึงเป็นการดีกว่า ถ้าเขาจะเตรียมอาหารด้วยตัวเอง  จะได้ไม่วิตกจนนอนไม่หลับ เพราะเรื่องซอส กับเรื่องเกลือ ) 



รูปแบบที่ 2 - Cheat Meal

       นักเพาะกายหลายคน ก็ชอบทานในลักษณะของรูปแบบที่ 2 ซึ่งก็คือการทานอาหารต้องห้าม หรือที่เรียกว่า Cheat Meal 
 ( ในขณะที่ นักเพาะกายที่ทานในรูปแบบที่ 1 ( คือ Clean Meal ) จะไม่แตะอาหารพวก Cheat Meal เลย )

       นักเพาะกายที่มีไซส์ร่างกายใหญ่ๆ จะชื่นชอบการทานแบบ Cheat Meal กันมาก / แม้กระทั่งคุณ Dwayne Johnson หรือที่เรารู้จักในชื่อ "The Rock" ก็ทานแบบนี้ ( คือทานแบบ Cheat Meal )

       รายการอาหาร Cheat Meal ของคุณ Dwayne Johnson มีดังนี้ครับ

       แพนเค้ก ขนาดใหญ่ 12 ชิ้น ( 12 Large Pancakes )


       ขนมบราวนี่ 16 ชิ้น และ นม "โอ" มิลล์ 1 แก้วใหญ่  ( 16 Brownies with 1 Large glass "O" Milk )


       เปปเปอโรนี พิซซ่า ขนาดใหญ่ จำนวน 4 ถาด  ( 4 Large & Fresh Peperoni Pizzas )


       รายการอาหาร Cheat Meal สามรายการข้างบนนี้ คุณ Dwayne Johnson เขากินในวันเดียวเลยนะครับ ไม่ใช่ว่าแยกกินกันคนละวัน

       และก็อย่างที่เห็นในรูปข้างบนนี้ คือเพื่อนสมาชิกจะเห็นได้ว่า คุณ Dwayne Johnson ยังมีกล้ามเนื้อที่คมชัด และดูแล้วมีสุขภาพแข็งแรง และที่สำคัญคือมีความ "ร่าเริง" ด้วย ซึ่งจะต่างกับนักเพาะกายที่ทานแบบ Clean Meal แบบเคร่งครัด ที่จะมีลักษณะเหมือน "ซอมบี้" คือดูไร้เรี่ยวแรง ,เบลอๆ




รูปแบบที่ 3 - Clean Cheat Meal

       รูปแบบที่ 3 คือการทานแบบ Clean Cheat Meal นี้ ฝรั่งเขาให้คำอธิบายว่า 
make a meal seem like a cheat meal but its really not แปลว่า เป็นการทานที่ดูเหมือนจะเป็นการทานอาหารต้องห้ามแบบ Cheat Meal แต่ก็ไม่ใช่ Cheat Meal

       การทานรูปแบบนี้ ( Clean Cheat Meal ) เกิดขึ้นมาเพราะนักเพาะกายบางคนที่ไม่อยากเป็น "ซอมบี้" ( เป็นซอมบี้เพราะทานอาหารแบบ Clean Meal ตลอดเวลา )  แต่จะให้ไปทานแบบ Cheat Meal เลย มันก็กลัวไขมันจะเพิ่มขึ้นมาแล้วลดยาก

       ดังนั้น จึงเกิดการผสมผสานของการกินในรูปแบบใหม่ คือรูปแบบที่ 3 นี้ ด้วยการเอาส่วนของ Clean Meal มาผสมกับส่วนของ Cheat Meal จนได้เป็น Clean Cheat Meal แบบที่เห็นในรูปข้างบนนี้นั่นเองครับ

       ลักษณะรูปแบบอาหารที่เป็น  Clean Cheat Meal ก็จะมีดังนี้ครับ

       หากเป็นการทาน Big Mac ( ซึ่งเป็น Cheat Meal ) จากร้านแม็คโดนัลล์ ก็ให้เราทานแค่ 1 ใน 3 เท่านั้น ( ข้อมูลการเทียบกับการทาน Big Mac แค่ 1 ใน 3 นี้ ผมไม่ได้คิดขึ้นเองนะครับ  อันนี้อ้างอิงข้อมูลจากต้นฉบับที่เวบ bodybuilding.com เรื่อง Clean Cheat Meal เขาบอกไว้เป็นภาษาอังกฤษว่า if you buy a big mac you can eat about 1/3 of it which will not be very satisfying. )

       คราวนี้ แม้ว่าจะเป็นเบอร์เกอร์เหมือนกัน แต่หากเราทานมากกว่า 1 ใน 3 ของหนึ่งชิ้น  คือเราทานแบบที่เห็นในภาพข้างบนนี้  มันก็จะเป็นการทานแบบ Cheat Meal ( คือการทานรูปแบบที่ 2 ) ไปน่ะครับ

       พูดง่ายๆว่า "ชนิด" ของอาหาร เป็นชนิดเดียวกัน ซึ่งก็คือเบอร์เกอร์ แต่หากเราทานแค่ 1 ใน 3 ของหนึ่งชิ้น มันก็จะเป็น Clean Cheat Meal  / แต่หากเราทาน 6 อันยักษ์ แบบในภาพข้างบนนี้ มันก็จะเป็น Cheat Meal ธรรมดา

       ซูชิ หรือข้าวปั้นมีหน้า  โดยเลือกแบบที่ "ไม่มีของทอด เป็นไส้ หรือโปะหน้าด้วยของทอด"  ก็เป็น Clean Cheat Meal อย่างหนึ่ง

       เหตุผลก็เพราะว่า ในซูชิ มีน้ำส้มสายชูผสมอยู่ จึงทำให้มันไม่เป็น Clean Meal  แต่มันก็ไม่มีของทอดผสมอยู่ ก็เลยไม่เป็น Cheat Meal เช่นกัน

       ดังนั้น ซูชิ แบบที่ "ไม่มีของทอด เป็นไส้ หรือโปะหน้าด้วยของทอด" จึงอยู่กลางๆระหว่าง Clean Meal และ Cheat Meal ก็เลยทำให้มันเป็น Clean Cheat Meal นั่นเอง


      ส่วนซูชิที่ไส้เป็นของทอด เช่นมีกุ้งทอดถูกม้วนห่อรอบด้วยข้าวแบบที่เห็นในรูปข้างบนนี้ ถือเป็น Cheat Meal เพราะมันมีแป้งเป็นส่วนประกอบเต็มๆ คือมีปริมาณแป้งมากกว่า 1 ใน 3 ของปริมาณซุชิในแต่ละชิ้น / ดังนั้น มันจึงยังไม่ใช่ Clean Cheat Meal
สำหรับปลาดิบ หรือที่เรียกว่า Shasimi  / จะมีเพียง 2 อย่างเท่านั้นที่ถือเป็น Clean Cheat Meal  นั่นก็คือ

       ปลา Salmon


       ปลา Yellowtail Tuna หรืออีกชื่อหนึ่งคือ Hamachi


       ส่วนสาเหตุที่ว่าทำไม ปลาดิบที่จัดเป็น Clean Cheat Meal ต้องเป็นแค่ปลาสองชนิดข้างบนนี้เท่านั้น ต้นฉบับไม่ได้อธิบายไว้น่ะครับ


หมายเหตุ - ข้อมูลเรื่องซูชิ และปลาดิบ ( Shasimi ) ใน "เฉพาะ" ส่วนที่เป็น Clean Cheat Meal นี้ อ้างอิงจากนิตยสาร Flex ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 2015 หน้า 56 ครับ


- END -