- หน้า 2 -
Mountain Dog Training
1 < 2
|
Webmaster - ระบบฝึกที่ผมนำมาให้ดูนี้ เรียกว่าระบบฝึก Mountain Dog ที่ออกแบบโดย John Meadows ซึ่งตอนแรกก็ไม่มีคนรู้จักสักเท่าไร เพราะมันออกแบบมาไม่เหมือนชาวบ้าน ( เดี๋ยวอ่านไป ก็จะเข้าใจไปเองครับ ตอนนี้ให้ฟังผมพูดไปก่อน ) / แต่ที่มันมาดังก็เพราะคุณ โคดี้ มอนท์โกเมอรี่ เขาใช้โปรแกรมฝึกนี้ในช่วงต้นๆของการเล่นกล้าม ( คือตอนอายุ 15 – 18 ปี ) แล้วพอตอนอายุ 20 ปี โคดี้ก็โด่งดังมากเนื่องจากเขาได้เป็นนักเพาะกายอาชีพ ในขณะที่ยังมีอายุยังน้อย นั่นก็เลยทำให้ระบบฝึกนี้ ถูกพูดถึงกันอย่างกว้างขวาง / คือคนเขาอยากรู้กันว่าโคดี้ ฝึกด้วยการฝึกแบบไหนในช่วงอายุน้อยๆนั่นเอง / จริงๆแล้วระบบฝึกนี้ ไม่ใช่ระบบที่ใช้ได้กับการเริ่มต้นเล่นกล้ามเท่านั้นนะครับ ใช้กับตอนเล่นกล้ามไปนานๆแล้วก็ได้ เพียงแต่ที่มันดังก็เพราะโคดี้ เอาไปฝึกตอนเขาอายุ 15 – 18 ปี ก็เท่านั้นเอง
ความจริง โคดี้เริ่มเล่นกล้ามตอนอายุ 12 ปี แต่ไม่มีข่อมูลว่าเขาฝึกแบบไหน / คือเท่าที่มีข้อมูล ณ.ตอนนี้ก็คือ ในช่วงอายุ 15 – 18 ปี โคดี้ฝึกด้วยระบบ Mountain Dog / ส่วนช่วงอายุ 19 – 20 ปีก่อนที่โคดี้จะได้เป็นโปรนั้น ยังไม่ทราบว่าเขาฝึกระบบไหนเช่นกันครับ
หมายเหตุ – ภาพประกอบในหนังสือต้นฉบับ เป็นภาพคุณโคดี้ทั้งหมดเลยนะครับ นั่นก็หมายความว่า ถึงแม้ว่าในตัวเนื้อหา จะไม่มีคำพูดออกจากปากของคุณโคดี้ แต่ก็ให้เป็นที่เข้าใจตรงกันว่าระบบฝึกนี้ คือระบบฝึกที่โคดี้ “เคยใช้” จริงๆ ไม่ผิดพลาดอย่างแน่นอนครับ เอาล่ะ เรามาเข้าสู่เนื้อหากันเลยนะครับ
ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร เคยรู้จักการเล่นกล้ามมาก่อนหรือไม่ หากคุณต้องการเพิ่มมัดกล้ามและสร้างความแข็งแกร่งให้กับกล้ามเนื้อ ขอให้คุณใช้ระบบฝึก Mountain Dog ของผมนี้เป็นแนวทางในการฝึกของคุณ
โอเค มันอาจจะไม่เห็นผลในชั่วข้ามคืน แต่ผมยืนยันได้ว่าหากคุณยึดอยู่กับตารางฝึกนี้ไปตลอดแล้ว รับรองได้ว่าคุณจะประสบความสำเร็จ 100% อย่างไม่ต้องสงสัย
หลักการคร่าวๆคือ
1.ไม่ว่าคุณจะเหนื่อยแค่ไหน คุณก็จะต้องฝึกจนจบตารางฝึกของวันนั้นให้ได้
2.คุณต้องกินอาหารสะอาด ไม่กิน Junkfood
คราวนี้ มาถึงคำถามยอดฮิตกัน เช่น การฝึกท่าไหนคือท่าฝึกที่ดีที่สุดสำหรับกล้ามเนื้อนั้นๆ ? ผมควรจะฝึกกี่เซท กี่ rep ดี ? ทำอย่างไรกล้ามถึงจะปรากฏชัด เห็นผลเป็นรูปธรรมเร็วที่สุด? คุณจะได้รับคำตอบเหล่านั้นเองเมื่อได้อ่านคำแนะนำทั้งหมดของผมในบทความนี้ทั้งหมดแล้ว
ผมยืนยันว่าระบบฝึกของผมนี้ ไม่ใช้การคาดเดาใดๆทั้งสิ้น ทั้งหมดล้วนมาจากการศึกษาเป็นอย่างดีแล้ว และอุปกรณ์ที่ใช้ ผมก็คัดสรรเอาแต่อุปกรณ์ที่ใช้แล้วได้ผลดีจริงๆเท่านั้น ดังนั้น ไม่ว่าเป้าหมายของคุณคือต้องการเห็นกล้ามเนื้อขึ้นเป็นลูกๆ หรือต้องการขึ้นประกวดก็ตาม ผมแนะนำให้คุณใช้ตารางฝึกทั้งหมดนี้ติดต่อกันให้ได้ 6 เดือน แล้วคุณจะเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน
เอาจิตใจอยู่กับกล้ามเนื้อ Mind the muscles
( Webmaster - ก่อนแปลย่อหน้าตรงนี้ ขอให้เพื่อนสมาชิกแวะไปอ่านความหมายของ Mind the muscles หรือ Mind muscle connection เสียก่อนนะครับ )
ในขณะที่ตำราเพาะกายต่างๆบอกว่าสำหรับการเริ่มต้นเพาะกาย ต้องเน้นที่การฝึกแบบ compound moves ที่มีตัวหลักๆอยู่ 3 ท่าคือ Benchpress ,Squats และ Deadlift และต้องฝึกด้วยน้ำหนักที่หนักมากๆ โดยให้ทำจำนวน rep ที่ต่ำๆ
แต่ Meadows บอกว่าการที่นักเพาะกายระดับเริ่มต้น เน้นไปที่การบริหารแบบ Compound movement แต่เพียงอย่างเดียว จะทำให้พวกเขาขาดแคลนองค์ประกอบสำคัญที่จะเป็นนักเพาะกายที่ดีในอนาคตได้
หลักสูตรของ Meadows จะกระทำ “ตรงกันข้าม” โดยสิ้นเชิง
นั่นคือเขาจะให้นักเพาะกายเริ่มต้น เน้นไปที่การฝึกแบบ Isolation movement เป็นหลัก ( แทนที่จะเป็น Compound movement เหมือนชาวบ้าน ) แล้วก็เสริมด้วยการเอาจิตใจไปไว้ที่กล้ามเนื้อที่กำลังบริหารอยู่ ( Mind the muscle )
และอุปกรณ์ที่ใช้ ก็จะใช้แมชชีนเป็นหลัก เพราะอุปกรณ์แมชชีนจะเอื้ออำนวยต่อการฝึกแบบ Isolation movement ได้ดีที่สุด
“มีเพียงการออกกำลังแบบ Isolation movement เท่านั้น ที่จะเข้ากันได้ดีกับเทคนิคฝึกแบบ Mind the mucle เหตุผลก็เพราะว่าการฝึกแบบ Isolation movement จะทำให้คุณโฟกัสจิตใจไปที่กล้ามเนื้อที่กำลังบริหารอยู่ ได้อย่างมีประสิทธภาพที่สุด / ยิ่งโฟกัสจิตใจไปที่กล้ามเนื้อที่กำลังบริหารอยู่ ได้ดีเท่าไร ก็จะยิ่งทำให้เส้นใยประสาทที่อยู่ในเซลล์กล้ามเนื้อตรงส่วนนั้น ถูกพัฒนาไปอย่างมีประสิทธิภาพ แล้วท้ายที่สุด ก็จะส่งผลให้กลุ่มกล้ามเนื้อบริเวณนั้น ได้ผลผลิตออกมาเป็นกลุ่มกล้ามเนือที่มีคุณภาพ” Meadows กล่าว
“ด้วยการออกกำลังแบบ Isolation movement จะทำให้คุณได้หดเกร็ง ( contracted ) กล้ามเนื้อที่ต้องการบริหารได้อย่างเต็มที่ ซึ่งคุณจะไม่สามารถทำได้เลยหากคุณบริหารกล้ามเนื้อนั้นในแบบ Compound movement” Meadows กล่าวเพิ่ม
กล้ามเนื้อเติบโตได้อย่างไร?
ระบบฝึก Mountain Dog training ใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์ 3 ประการในการชี้แจงให้คุณได้รู้ว่ากล้ามเนื้อเติบโตได้อย่างไร?
ข้อ 1.เซลล์กล้ามเนื้อฉีกขาด ( Muscular Damage )
ขั้นตอนแรกของการพัฒนามัดกล้าม ก็คือการที่เส้นใยกล้ามเนื้อ ( muscle fibers ) ถูกทำให้เสียหาย ( breakdown ) ด้วยการหดเกร็งกล้ามเนื้อในขณะออกกำลัง / จากนั้น ร่างกายจะยกระดับการสังเคราะห์โปรตีน เพื่อเยียวยารักษาเส้นใยกล้ามเนื้อพวกนั้น และพยายามเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับเส้นใยกล้ามเนื้อพวกนั้น ให้มากขึ้น ( เพื่อป้องกันความเสียหาย ( breakdown ) ในอนาคต )
ข้อ 2.หลักกลศาสตร์ของความตึงเครียด ( Mechanical tension )
หลักการนี้ เป็นหลักการของ Meadow ที่เหมือนกับเทคนิค time under tension ( TUT )
การเล่นเวท แตกต่างจากการเล่นกีฬาประเภทอื่นก็เพราะการเล่นเวทสามารถใช้เทคนิค TUT ได้ ในขณะที่กีฬาอื่นทำไม่ได้
ยิ่งเราใช้เทคนิค TUT มากเท่าไร เข้มข้นเท่าไร มันก็จะทำให้เส้นใยกล้ามเนื้อทำงานหนักมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งจะส่งผลโดยตรงกับการเติบโตของมัดกล้ามเนื้อ
ข้อ 3.ความเคร่งเครียดของการเผาผลาญสารอาหาร ( Metabolic Stress )
หลักการนี้ ก็คือว่า วันไหนที่อคุณใช้เทคนิค TUT ( แบบจำนวน Rep มากๆต่อหนึ่งเซท ) เป็นเวลานานๆ แล้วล่ะก็ ในวันนั้น ก็จะเกิดภาวะการเผาผลาญสารอาหารที่ถูกเก็บอยู่ในรูปของไกลโคเจน ( ที่อยู่ในเซลล์กล้ามเนื้อ ) มากขึ้นเท่านั้น หรือเรียกได้ว่าเป็นภาวะการ Burn นั่นเอง
การใช้ลูกน้ำหนักขนาดเบาๆ จะช่วยทำให้เกิด Meatabolic Stress ได้ดีกว่าการใช้ลูกน้ำหนักที่หนักมากๆ
ผลของการเกิดภาวะ Meatabolic Stress จะทำให้เกิด กรดแลคติค ในเซลล์กล้ามเนื้อในปริมาณมหาศาล และส่งผลให้เซลล์กล้ามเนื้อเกิดการเติบโต
ความเข้มข้น
Meadow ไม่ได้บอกว่าการฝึกแบบ Compound movement และการฝึกที่เพิ่มความแกร่ง ( Streangth ) ให้กับกล้ามเนื้อนนั้นไร้ประโยชน์หรอกนะครับ ทั้งสองอย่างนี้ ( คือการฝึกแบบ Compound movement และการฝึกที่เพิ่มความแกร่งให้กับกล้ามเนื้อ ) นั้นเป็นสิ่งจำเป็น ( Webmaster - คือหมายความว่า การฝึกแบบ Mountain Dog นั้น เขา “เน้น” ที่การฝึกแบบ Isolation movement แต่ไม่ได้หมายความว่า ให้ตัดการฝึกแบบ Compound movement ออกไป )
ระบบฝึก Mountain Dog ได้นำการฝึกแบบ Compound movement เข้ามาร่วมด้วยโดยออกแบบการฝึกให้เหมาะสม
“ด้วยการเอาเทคนิคการฝึกแบบเพิ่มความเข้มข้น เข้ามาร่วมกับการฝึกตามปกติ โดยการมีรูปแบบการบริหารในแต่ละ Rep ในแต่ละเซท มีความหลากหลาย มันจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการเติบโตของมัดกล้ามเนื้อ ไปพร้อมๆกับเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับกล้ามเนื้อได้ด้วย” Meadows กล่าว
( Webmaster – เพื่อนสมาชิกอาจสงสัยว่า คำว่า “การฝึกที่มีรูปแบบการบริหารในแต่ละ Rep และในแต่ละเซท มีความหลากหลาย” นั้น ในที่นี้ หมายถึงอะไร? คำตอบมันเป็นอย่างนี้ครับ
คือว่าถ้าเป็นการฝึกตามปกติ ( ที่ไม่ใช่การฝึกแบบ Mountain Dog ) นั้น เวลาบริหารหน้าอก ด้วยท่าบริหาร 4 ท่า เขาก็จะจับท่าบริหารแบบ Compound movement ลงไปทั้ง 4 ท่าเลย และในแต่ละท่าก็จะมีจำนวนเซท จำนวน Rep เหมือนๆกันหมดทั้ง 4 ท่า
แต่สำหรับตารางฝึกแบบ Mountain Dog นั้น ทางคุณ Meadows จะเลือกท่าบริหารที่มีความแตกต่างกันทั้งรูปแบบ ทั้งจำนวนครั้ง ทั้งจำนวน Rep ที่แตกต่างกันถึง 4 แบบ ( แต่ละแบบจะมีอะไรบ้างนั้น เดี๋ยวทางต้นฉบับเขาจะเขียนให้อ่านครับ )
การแบ่งวันฝึก
ตารางฝึกแบบ Mountain Dog จะแบ่งวันฝึกเป็นแบบ "ฝึก 2 วัน" หยุด 1 วัน / ตามด้วย "ฝึก 1 วัน" หยุด 1 วัน / จากนั้นจึงวนตารางใหม่
การเรียงลำดับกล้ามเนื้อของการฝึก จะเป็นดังนี้
วันที่ 1 - ฝึกกล้ามขา
วันที่ 2 - ฝึกกล้ามหน้าอก / กล้าม Shoulder / กล้ามไทรเซบ
วันที่ 3 - หยุด
วันที่ 4 - ฝึกกล้ามหลัง / กล้ามไบเซบ
วันที่ 5 - หยุด
วันที่ 6 - ทำซ้ำวงรอบเดิม ( คือกลับไปใช้ตารางฝึกของ วันที่ 1 ใหม่ )
การฝึก 4 รูปแบบ
ในการฝึกแต่ละครั้ง ตารางฝึกของคุณควรมีการบริหาร 4 รูปแบบนี้ผสมรวมอยู่ในตารางฝึกเดียวกัน เพื่อที่คุณจะได้รูปร่างที่สวยงามไปพร้อมๆกับเพิ่มความแข็งแกร่งให้กล้ามเนื้อ และหลีกเลี่ยงอาการบาดเจ็บด้วย
รูปแบบที่ 1 – การบริหารที่กระตุ้นกล้ามเนื้อ
ท่าบริหารอันนี้ จะทำให้คุณได้บริหารกล้ามเนื้อเป้าหมายได้โดยไม่ระคายเคืองต่อ ข้อต่อ และเส้นเอ็นต่างๆเลย มันคือการบริหารจริง ที่ “คล้าย” กับการวอร์มอัพก่อนที่เราจะไปบริหารท่าจำพวก Compound movement ( Webmaster - คือมันเป็นการบริหารจริงๆ ไม่ใช่การวอร์มอัพนะครับ )
การบริหารรูปแบบที่ 1 นี้ ถูกออกแบบมาเพื่อให้กล้ามเนื้อเป้าหมายได้ถูกบริหาร โดยไม่ให้เกิดอาการล้า
รูปแบบที่ 2 - การบริหารแบบระเบิดพลัง
ท่าบริหารอันนี้ จะเกี่ยวข้องกับการยกบาร์เบลล์ขึ้นอย่างแรงและรวดเร็ว “แต่” เวลาผ่อนบาร์ลง จะค่อยๆผ่อนบาร์ลงแบบช้าๆให้อยู่ในความควบคุมของกล้ามเนื้อ ( Webmaster - ยกตัวอย่างเช่นท่า Standing barbell curl ซึ่งเมื่อตอนที่เรายกบาร์เบลล์ขึ้น เราจะยกบาร์ขึ้นอย่างเร็วและแรง เหมือนการ “ตวัด” บาร์เบลล์ขึ้นเลยทีเดียว แต่เวลาผ่อนบาร์ลง เราจะค่อยๆผ่อนลงอย่างช้าๆ ให้อยู่ภายใต้การควบคุมของกล้ามเนื้อไบเซบอย่างเต็มที่ ไม่ใช่ผ่อนบาร์ลงตามยถากรรม )
ในแต่ละเซท เราจะค่อยๆเพิ่มน้ำหนักที่ใช้ขึ้นทุกเซท จนถึงขนาดน้ำหนักที่เราใช้เล่นในเซทสุดท้าย เราเล่นแทบจะไม่จบเซทเลย
รูปแบบที่ 3 – การบริหารแบบทุ่มพลังสุดตัว
ท่าบริหารอันนี้ เน้นเรื่องการทำให้เลือดวิ่งมาหล่อเลี้ยงกล้ามเนื้อเป้าหมายให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ รวมไปถึงทำให้เกิดปฏิกิริยา Burn ที่กล้ามเนื้อบริเวณนั้น
การบริหารรูปแบบนี้ คือการ “ทุบ” กล้ามเนื้อเป้าหมายอย่างรุนแรงด้วยการบริหารแบบเข้มข้นสูงสุด
การบริหารรูปแบบนี้ก็คือการใช้เทคนิค dropsets ,partial reps และ forced reps
รูปแบบที่ 4 - การบริหารแบบ loaded stretching ( Webmaster – ขออนุญาตทับศัพท์ครับ )
จุดประสงค์ของการบริหารรูปแบบนี้คือทำให้กล้ามเนื้อเป้าหมายได้ถูกเหยียดตัวออกให้มากที่สุด
ให้ใช้รูปแบบการบริหารอันนี้กับท่าบริหารสุดท้าย เพื่อให้กล้ามเนื้อเกิดช่องว่างสำหรับรองรับการขยายตัวของเซลล์กล้ามเนื้อใหม่ๆที่กำลังจะเกิดขึ้น
( Webmaster – เพื่อนสมาชิกอาจจะงงว่า 4 รูปแบบที่ว่ามาข้างบนนี้ จะเอาไปใช้ตอนไหน? คำตอบก็คือว่า ไม่ต้องไปสงสัยอะไรมันหรอกครับ เพราะว่า medows เขาออกแบบมาไว้ในตารางฝึกให้เรียบร้อยแล้ว
คือหมายความว่าในท่าบริหารกล้ามเนื้อแต่ละส่วน ทาง medows คนออกแบบตารางฝึก เขาจะบอกเองว่าท่าไหน เป็นรูปแบบอะไร ( ใน 4 รูปแบบที่ว่ามาข้างบนนี้ ) ซึ่งเราก็แค่บริหารไปตามตารางฝึกของ medows เท่านั้นเองครับ )
วันที่ 1 กล้ามต้นขา
ท่าบริหาร | จำนวนเซท | จำนวน Rep | เป้าหมาย |
Lying Leg Curls | 4 | 20 ,20 ,12 ,10 | กระตุ้นกล้ามเนื้อ |
Barbell Squats | 4 | 6 | ระเบิดพลัง |
Leg Extensions ( with 10 partials ) * | 1 | 12 | ทุ่มพลังสุดตัว |
Barbell Stiff-leg Deadlift * * | 4 | 10 | เหยียดกล้ามเนื้อ |
Toe Press ด้วยเครื่อง Legpress | 2 | 60 วินาที | ทุ่มพลังสุดตัว |
* * ในท่า Barbell Stiff-leg Deadlift นั้น ในหนังสือต้นฉบับ บอกว่าให้ทำตามคำแนะนำในรูปข้างล่างนี้
ต้นฉบับบอกว่าตอนที่บริหารท่า Barbell Stiff-leg Deadlift นั้น ให้ "งอหัวเข่า" ในจังหวะที่ก้มต้วลงต่ำสุดด้วย ( ซึ่งก็คือในจังหวะ B ในภาพข้างบนนี้นั่นเอง ) ( Webmaster - คือตามปกติ คนทั่วไปที่เขาบริหารท่า Barbell Stiff-leg Deadlift นั้น ไม่มีใครเขางอหัวเข่ากันหรอกครับ เพราะว่ามันเป็นการบริหาร กล้ามต้นขาด้านหลัง / แต่ว่าสำหรับการฝึกแบบ Mountain Dog ของ Medown เขาให้งอหัวเข่าในท่านี้ด้วยน่ะครับ )
วันที่ 2 หน้าอก ,Shoulder ,ไทรเซบ
ท่าบริหาร | จำนวนเซท | จำนวน Rep | เป้าหมาย |
Incline Dumbbell Presses | 3 | 10 | กระตุ้นกล้ามเนื้อ |
Incline Bench Presses * | 6 | 8 | ระเบิดพลัง |
Seated Machine Chest Press | 3 | 10 ,8 ,8 | กระตุ้นกล้ามเนื้อ |
Stretch Pushup | 2 | 10 | เหยียดกล้ามเนื้อ |
Dumbbell Bentover Lateral | 3 | 10 | กระตุ้นกล้ามเนื้อ |
Seated Smith Machine Press | 3 | 6 | ระเบิดพลัง |
Side Lateral Raise with Dumbbell * * ( ให้ใช้เทคนิค Partials ด้วย ) | 1 | 30 | ทุ่มพลังสุดตัว |
Rope Pushdown | 4 | 12 ,12 ,10 ,10 | ทุ่มพลังสุดตัว |
Lying Triceps Extensions | 2 | 10 | เหยียดกล้ามเนื้อ |
* ห้ามบาร์เบลล์แตะหน้าอกเลยแม้แต่ครั้งเดียว
* * ต้นฉบับไม่ได้บอกไว้ว่าให้บริหารจริงที่ Reps และใช้เทคนิค Partials กี่ Reps นะครับ คือบอกแค่ว่าให้ทำรวมกันแล้วนับได้ 30 Reps
กล้ามท้อง
ให้เล่นกล้ามท้อง อาทิตย์ละ 2 วัน
เลือกเอาตามใจชอบเลยว่า ที่ว่า "2 วัน" นั้น จะเล่นวันไหน
แต่ว่า ในแต่ละวันที่เล่นกล้ามท้องนั้น จะต้องเล่นทั้งกล้ามท้องส่วนล่าง ( ในตารางสีเขียวข้างล่างนี้ ) และกล้ามท้องส่วนบน ( ในตารางสีชมพูข้างล่างนี้ ) รวมอยู่ในวันเดียวกัน
ในวันเดียวกันนั้น ให้เล่นกล้ามท้องส่วนล่างก่อน แล้วค่อยต่อด้วยกล้ามท้องส่วนบน ( คือให้เล่นในตารางสีเขียวก่อน แล้วค่อยต่อด้วยตารางสีชมพู )
บริหารกล้ามท้องส่วนล่าง
ให้ "เลือกมา 1 ท่า" ( จาก 3 ท่าข้างล่างนี้ ) นำมาบริหาร 2 เซท เซทละ 25 Reps
Hanging Leg Raise
Leg Raise with elbows supported on pad
Decline Bench Leg Raise
บริหารกล้ามท้องส่วนบน
ให้ "เลือกมา 1 ท่า" ( จาก 3 ท่าข้างล่างนี้ ) นำมาบริหาร 2 เซท เซทละ 15 - 25 Reps
Incline Situp
Rope Pulldown Crunch
Band Crunch
วันที่ 4 กล้ามหลัง ,ไบเซบ
ท่าบริหาร | จำนวนเซท | จำนวน Rep | เป้าหมาย |
Meadows Row | 2 | 8 | กระตุ้นกล้ามเนื้อ |
Deadlifts | 4 | 6 | ระเบิดพลัง |
Narrow - Grip Chinup | 2 | จนหมดแรง | ทุ่มพลังสุดตัว |
Dumbbell Pullover | 2 | 10 | เหยียดกล้ามเนื้อ |
Hammer Curls ( with 5 Partial ) * | 2 | 10 | ทุ่มพลังสุดตัว |
EZ - Bar Preacher Curls * * | 2 | 10 | ทุ่มพลังสุดตัว |
* ในแต่ละเซท เมื่อเล่นจบเซทแล้ว ให้เล่นต่อด้วยเทคนิค Partial อีก 5 Reps
* * ใน "เซทสุดท้าย" ให้เพื่อนช่วยออกแรงให้เราใช้เทคนิค Forced Reps ต่อได้อีก 4 ครั้ง / แต่ถ้าไม่มีเพื่อนช่วย ก็เปลี่ยนเป็นการใช้เทคนิค Drop Sets แทน
1 < 2
|
- END -