Sunday, April 12, 2020

Cheat Meal Day


Cheat Meal Day

      เวลาที่นักเพาะกายอยู่ในช่วงเตรียมตัวประกวด ( ซึ่งก็จะประมาณ 10 สัปดาห์ก่อนขึ้นเวที ) สิ่งที่นักเพาะกายจะต้องทำก็คือ ต้องทำการ "ไดเอท" คือกินแต่อาหารแบบ Clean Food หรือ Clean Meal แบบเคร่งครัด และไม่ทานในปริมาณที่มาก / เฉลี่ยแล้ว ก็จะให้ได้พลังงานเพียงวันละ 2,000 - 4,000 แคลอรี่เท่านั้น

       มีรูปแบบการทานไดเอทสำหรับนักเพาะกายอยู่สองแบบคือ

       รูปแบบที่ 1 - ทานแบบไดเอท ทุกมื้อ ทุกวัน ทั้ง 10 อาทิตย์เลย / คือทานตั้งแต่เริ่มไดเอท จนถึงวันขึ้นเวทีประกวด โดยเคร่งครัดทุกมื้อ


       รูปแบบที่ 2 - คือทานแบบไดเอท แล้วมีการ "แทรก" การทานอาหารแบบ Cheat Meal เข้าไปในบางโอกาสด้วย

       โดยวันที่แทรกการทานอาหารแบบ Cheat Meal เข้าไปตารางการทานอาหารแบบไดเอท นี่แหละที่เรียกเป็นคำศัพท์ว่า เป็นวัน Cheat Meal Day

       Cheat Meal Day คือวันที่อนุญาตให้ทาน "อาหารต้องห้าม" ได้ 1 วัน / อาหารต้องห้ามในที่นี้ ไม่ใช่พวกแอลกอฮอลล์  แต่เป็น อาหารต้องห้ามสำหรับการไดเอท ซึ่งได้แก่ พวกแป้ง ,น้ำตาล ,ซอส ,เกลือ ,ผลไม้รสหวานฉ่ำ ฯลฯ

       ถ้าเป็นวันที่ทานไดเอทตามปกติ เราจะได้รับแคลอรี่ประมาณ 2,000 - 4,000 แคลอรี่ต่อวัน / แต่ถ้าเป็นวัน Cheat Meal Day เราจะทานแคลอรี่อย่างต่ำ เริ่มตั้งแต่ 15,000 แคลอรี่ขึ้นไป ต่อวันเลยทีเดียว

       ต้องขอบอกก่อนว่า ไม่ใช่นักเพาะกายทุกคนหรอกนะครับ ที่จะจัดให้มี Cheat Meal Day  คือนักเพาะกายบางคนเขาจะกินแต่ Clean Meal ทุกมื้อจนขึ้นประกวดเลย ( ซึ่งผมจัดไว้ให้อยู่ใน รูปแบบที่ 1 ตามที่พูดมาข้างบนนี้ ) / และนักเพาะกายพวกนี้ ( คือพวกที่ทานตามรูปแบบที่ 1 ) ก็ประสบความสำเร็จในการประกวดด้วย คือแชมป์เพาะกายหลายคน ก็เป็นแบบพวกทานตามรูปแบบที่ 1 นี้แหละ

       "แต่" ก็มีแชมป์เพาะกายหลายคน ที่จัดให้มี Cheat Meal Day แล้วก็ประสบความสำเร็จด้วยเช่นกัน ( ซึ่งผมจัดไว้ให้อยู่ใน รูปแบบที่ 2 ตามที่พูดมาข้างบนนี้ ) / นักเพาะกายรูปแบบที่ 2 นี้ มีความเห็นว่า ถ้ากินแต่ Clean Meal ทุกมื้อ ทุกวัน  ร่างกายก็จะอ่อนแอลงเรื่อยๆ จนมีศัพท์เรียกนักเพาะกายที่ทานตาม รูปแบบที่ 1 ว่า "ซอมบี้"

       นักเพาะกายที่ทานตามรูปแบบที่ 2 ก็เลยมีความคิดว่า ใน 1 อาทิตย์ ( ที่อยู่ในช่วงไดเอท ) ควรจะมีสัก 1 วันที่ทานอาหารที่มีแคลอรี่สูงๆบ้าง เพื่อเป็นการ "กระตุ้น" ระบบเผาผลาญอาหารในร่างกาย / และวันที่เราทานอาหารเพื่อ "กระตุ้น" ระบบเผาผลาญอาหารของเรานี้ ก็คือวันที่เรียกว่า Cheat Meal Day 

       คราวนี้ เรามาดูตัวอย่างการทานในรูปแบบที่ 2 กันดูนะครับ โดยเป็นตารางการทานอาหารของคุณ Dwayne Johnson หรือที่เรารู้จักในชื่อ "The Rock" สมัยเป็นนักมวยปล้ำนั่นเอง

       แม้ว่าคุณ Dwayne จะไม่ได้ขึ้นประกวดเพาะกาย แต่เขาก็จะถ่ายทำหนังเรื่อง Herculean  ดังนั้น เขาก็ต้องเข้าสู่ระบบการไดเอทแบบนักเพาะกายเช่นกัน ( คือหลักการเดียวกัน ) 
/ เพียงแต่ว่า คุณ Dwayne เลือกที่จะทานไดเอทในรูปแบบการทานที่ 2  คือจัดให้มี Cheat Meal Day แซมอยู่ด้วย

วันที่เป็น Cheat Meal Day ของคุณ Dwayne นะครับ ซึ่งรายการอาหารก็จะเป็นดังนี้
 

       มื้อเช้า - แพนเค้ก ขนาดใหญ่ 12 ชิ้น / ( Breakfast : 12 Large Pancakes )


       
มื้อว่าง ( คือประมาณ 10.00 น. ) และมื้อกลางวัน - ขนมบราวนี่ 16 ชิ้น และนม "โอ" มิลล์ 1 แก้วใหญ่ / ( Snack and Lunch : 16 Brownies with 1 Large glass "O" Milk )


       มื้อเย็น - เปปเปอโรนี พิซซ่า ขนาดใหญ่ จำนวน 4 ถาด / ( Dinner : 4 Large & Fresh Peperoni Pizzas )


       พอพ้นวัน Cheat Meal Day แล้ว ในวันถัดไป คุณ Dwayne ก็จะต้องกลับไปทานอาหารไดเอทตามปกติเหมือนเดิม   ซึ่งรสชาติจะจืดชืด และได้กินเพียงปริมาณน้อยๆด้วย ( หมายถึงรายการอาหารไดเอท ) เพื่อรักษาระดับแคลอรี่ให้ต่ำๆเอาไว้ กล้ามจะได้ชัดๆ / ดังนั้น เราจึงเห็นได้ว่า พอถึงวัน Cheat Meal Day แต่ละครั้ง พวกนักเพาะกาย หรือแม้แต่คุณ Dwayne เอง เขาก็จะเริงร่าเป็นพิเศษ ที่ได้ผ่อนคลาย คือได้กินของที่อร่อยๆด้วย และยังได้กินในปริมาณที่เต็มคราบอีกด้วย 


- END -