แต่ขณะนี้ ทีมนักวิจัยที่ศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพที่มหาวิทยาลัย University of Texas ในเมืองฮู้สตั้นอาจมีคำตอบว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ทีมวิจัยเปิดเผยว่าการขยายตัวของเซลไขมันทำให้มีการหลั่งฮอร์โมนและสารส่งเสริมการเจริญเติบโตที่เรียกว่า เอดิปโพคินส์ ( adipokines ) สารตัวนี้ช่วยสร้างเซลเม็ดเลือดใหม่ๆที่ไปช่วยเลี้ยงให้ก้อนมะเร็งโตขึ้น
คุณมิคคาอิล โคโลนิน รองศาสตราจารย์ด้านการแพทย์แขนงสเต็มเซลที่สถาบันอณูทางการแพทย์ที่มหาวิทยาลัย University of Texas เป็นหัวหน้าการทดลองครั้งนี้
เขากล่าวว่าทีมงานตั้งสมมุติฐานในการทดลองว่าเซลไขมันที่เกิดขึ้นในร่างกายไหลเวียนไปในร่างกายและเข้าำไปในจุดที่เกิดก้อนเนื้อมะเร็งแล้วกลายเป็นส่วนหนึ่งของก้อนมะเร็ง หลังจากนั้นก้อนมะเร็งจะสร้างสารเอดิปโพคินส์ขึ้นมาจากภายในทำให้มีขนาดโตขึ้นเรื่อย มะเร็งจึงมีความรุนแรงมากกว่าเพราะความหนาแน่นของก้อนเนื้อมะเร็งสูงกว่าปกติ
ทีมวิจัยทำการทดลองหลายครั้งในหนูทดลองสองกลุ่ม คือ หนูที่เป็นโรคอ้วนกับหนูที่ผอม แต่หนูทดลองทั้งสองกลุ่มมีก้อนมะเร็งอยู่แล้ว ทีมวิจัยป้อนอาหารประเภทเดียวกันให้กับหนูทั้งสองกลุ่ม ผลปรากฏว่าก้อนมะเร็งในหนูอ้วนโตเร็วกว่าก้อนมะเร็งในหนูผอมอย่างมาก นอกจากนี้ ทีมวิจัยยังพบด้วยว่าหนูทดลองที่อ้วนสร้างเซลไขมันในเลือดมากขึ้น เซลไขมันเหล่านี้ส่วนใหญ่กลายไปเป็นไขมันอยู่ภายในก้อนมะเร็งและเซลไขมันบางส่วนไปช่วยสร้างเส้นเลือดเพื่อนำออกซิเจนและอาหารไปเลี้ยงภายในก้อนมะเร็ง
หัวหน้าทีมวิจัยกล่าวว่าการลดน้ำหนักตัวได้ผลอย่างมากในการลดปริมาณเซลไขมันที่จะไปเสริมการสร้างก้อนมะเร็งและเชื่อว่าการผ่าตัดบายพาสลำใส้และการผ่าตัดลดขนาดกระเพาะอาหารเป็นวิธีที่ช่วยลดน้ำหนักตัวในผู้ป่วยโรคอ้วนรุนแรงได้เร็วที่สุดและมีประสิทธิภาพมากในการช่วยลดคามเสี่ยงในการเกิดมะเร็ง
เขากล่าวว่าผลการศึกษาของทีมงานชี้ชัดว่าการรักษาโรคอ้วนเสียแต่เนิ่นๆจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการก่อเกิดของก้อนมะเร็งและการผ่าตัดลดน้ำหนักจะเป็นผลดีในผู้ป่วยโรคอ้วนเพราะสามารถป้องกันได้ทั้งความเสี่ยงต่อทั้งโรคเบาหวานประเภทที่สองที่เกิดจากอาหารและโรคมะเร็งต่างๆ รวมทั้งมะเร็งลำใส้ใหญ่ มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกในผู้หญิงและมะเร็งต่อมลูกหมากในผู้ชาย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.voathai.com/a/obesity-cancer-tk/1536385.html
- จบ -