Monday, March 30, 2020
Anaerobic Exercise
แอนแอโรบิค
แอนแอโรบิก ( Anaerobic Exercise ) คือ การออกกำลังกายที่ไม่ต้องการออกซิเจนในการเผาผลาญสารอาหารให้เกิดพลังงาน
ในการสร้างพลังงานของกล้ามเนื้อ เซลล์ไม่สามารถใช้สารอาหารสร้างพลังงานในทันที
วิธีการสร้างพลังงานจะต้องพึ่งตัวการสำคัญตัวหนึ่ง นั่นก็คือ เอทีพี ( ATP = Adenosine triphosphate )
เอทีพี ( หรือเรียกว่าพลังงานเร่งด่วนของเซลล์ ) เปรียบเสมือนน้ำมันที่ทำให้เกิดการสตาร์ทในนเครื่องยนต์ คือ เอทีพีจะสลายตัวเป็นพลังงานให้กับกล้ามเนื้อ เมื่อกล้ามเนื้อถูกกระตุ้นในฉับพลันทันที
กลไกที่สร้างพลังงานเอทีพีอย่างต่อเนื่อง และรวดเร็ว คือ ซีพี ( CP = Creatine Phosphate )
เมื่อกล้ามเนื้อถูกกระตุ้นให้ทำงาน เอทีพีจะถูกใช้หมด พลังงานสำรองที่จะทำให้กล้ามเนื้อทำงานต่อไปจะได้จากซีพี ซึ่งประมาณว่าสามารถปฏิบัติกิจกรรมได้ 5 - 8 วินาที
กีฬาแบบแอนแอโรบิค คือกีฬาที่ปฏิบัติในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เช่น การวิ่งระยะสั้น ,การว่ายน้ำระยะสั้น ,การเล่นกล้ามในแต่ละเซท ซึ่งเมื่อใช้พลังงานไปในช่วงเวลาหนึ่งพลังงานที่สะสมก็จะหมด หลังจากนั้นหากยังออกกำลังกายต่อไปร่างกายจะได้พลังงานมาจากการสลาย ไกลโคเจน ( Glycogen ) แทนพลังงานสะสม ( ที่พึ่งจะหมดไป )
สรุปว่า ทั้งหมดนี้ คือกระบวนการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นไม่ต้องอาศัยออกซิเจนจากภายนอก เราจึงเรียกกระบวนการนี้ว่า แอนแอโรบิกเฟส ( Anaerobic phase )
( Webmaster - ข้างล่างนี้ อ้างอิงจากเวบ ezygodiet.com )
ถ้าแปลตรงตัว Anaerobic Exercise ก็คือการออกำลังกายที่ไม่ใช้ออกซิเจน แต่ไม่ได้หมายความว่าเราไม่ต้องหายใจนะ เพราะคำว่า "ไม่ใช้ออกซิเจน" ในที่นี้ หมายถึงว่า กล้ามเนื้อเข้าสู่โหมดที่ไม่ใช้ออกซิเจนในการสร้างพลังงาน ( ไม่ใช่ว่าร่างกายเราไม่ต้องใช้ออกซิเจน )
ให้ทำความเข้าใจอย่างนี้นะครับว่า เมื่อเราออกกำลังกาย เราต้องการพลังงานมากขึ้นเพื่อให้มีแรง กล้ามเนื้อเลยต้องการออกซิเจนมากขึ้น แบบนี้ ถือว่าอยู่ในช่วง "ใช้ออกซิเจน"
แต่เมื่อใดก็ตามที่เราออกกำลังกายหนักขึ้น จนกล้ามเนื้อดึงออกซิเจนมาใช้ไม่ทัน กล้ามเนื้อมันจึงจำเป็นต้องเฉือนเนื้อตัวเองเพื่อรักษาชีวิตเจ้านาย ( คำว่า เจ้านาย ในที่นี้หมายถึงเจ้าของร่างกาย ซึ่งก็คือตัวเรานั่นเอง ) ในทางวิทยาศาสตร์ เรียกการเฉือนเนื้อตัวเองนี้ว่า "การสลายไกลโคเจน ( ที่สะสมอยู่ในกล้ามเนื้อ ) " เพื่อให้ได้พลังงานสำหรับใช้ไปก่อน ( ไกลโคเจน คือ กลูโคสที่เหลือใช้อีกรูปแบบหนึ่ง ที่สะสมไว้ในเซลล์กล้ามเนื้อ )
ซึ่งกระบวนการสลายไกลโคเจนที่ว่านั้น มันไม่ต้องอาศัยออกซิเจนแต่อย่างใด
จึงพูดได้ว่าข่วงที่ร่างกายใช้พลังงานที่มาจากการสลายไกลโคเจน ก็คือช่วงที่ร่างกาย อยู่ในช่วง "ไม่ใช้ออกซิเจน"
ข้อสังเกตุก็คือว่า
แต่การเผาผลาญแบบไม่ใช้ออกซิเจนนี้ จะได้พลังงานที่น้อยกว่าแบบใช้ออกซิเจน แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย
กระบวนการเผาผลาญแบบไม่ใช้ออกซิเจนนี้ จะก่อให้เกิด "กรดแลคติก" ขึ้น / ซึ่งกรดแลคติก จะทำให้ร่างกายเรารู้สึกปวดเมื่อย
พลังงานสำรองชนิดนี้ ( ชนิดที่มาจากการ "ไม่ใช้ออกซิเจน" ) ไม่ได้มีอย่างเหลือเฟือ มันมีไว้เพื่อใช้ยามฉุกเฉินเท่านั้น ดังนั้น มันจึงมีจำกัด
ประโยชน์ของ Anaerobic Exercise
สมมติว่าเราต้องการจะลดไขมันอย่างเดียว เราก็เลยอาจจะเกิดความคิดว่า เราไม่ควรออกกำลังกายหนักๆแบบ Ananerobic Exercise "ใช่หรือไม่"? / ที่เราคิดอย่างนี้ก็เพราะว่า เราไม่อยากเสียกล้ามเนื้อ ( ที่มาจากการสลายไกลโคเจน เพื่อให้เกิดพลังงาน ) แล้วเราจะทำ Ananerobic Exercise ไปทำไม เหนื่อยก็เหนื่อย
คำตอบของเรื่องนี้ก็คือว่า จริงๆแล้ว การออกกำลังแบบ Ananerobic Exercise จะช่วยพัฒนาให้กล้ามเนื้อแข็งแรง ซึ่งเป็นการเพิ่มความสามารถในการใช้ออกซิเจน ( VO2 Max ) / หรือพูดง่ายๆก็คือว่า กล้ามเนื้อดึงออกซิเจนได้มากขึ้น สร้างพลังงานได้มากขึ้น เราก็เลยเหนื่อยน้อยลง
นอกจากนี้ ยังเป็นการเพิ่มความทนทานต่อกรดแลคติคที่เกิดขึ้น และสามารถขจัดกรดแลคติคได้ดีขึ้น พูดง่ายๆก็คือ ทำให้เรามีความอึดขึ้น ทนทานขึ้น ออกกำลังกายได้นานขึ้น เมื่อยล้าช้าลง
เราอาจเกิดความสงสัยขึ้นในใจว่า ถ้าเราไม่ได้ต้องการเน้นความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ เราอยากลดไขมันเร็วๆอย่างเดียว อย่างนี้ เราไม่ทำ Ananerobic Exercise ได้ไหม?
คำตอบของเรื่องนี้ก็คือว่า ขีดจำกัดของแต่ละคนไม่เท่ากัน ฝึกฝนมาก ระดับของขีดจำกัดของเราก็จะสูงขึ้นด้วย คือหมายความว่า
ถ้าเราเป็นคนที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายเลย เราก็จะเข้าสู่โหมด Anaerobic เร็วเกินไป ( คือเข้าสู่โหมดที่ "ไม่ใช้ออกซิเจน" ได้เร็วเกินไป )
การเข้าสู่โหมด Anaerobic เร็วเกินไป ( คือเข้าสู่โหมดที่ "ไม่ใช้ออกซิเจน" ได้เร็วเกินไป ) ก็หมายถึงว่า เรามีช่วง Aerobic ( โหมดที่ "ใช้ออกซิเจน" ) ที่ "สั้น" เกินไป
การมีช่วง Aerobic ( โหมดที่ "ใช้ออกซิเจน" ) ที่ "สั้น" เกินไป ย่อมหมายถึงการที่มีการเผาผลาญไขมันได้น้อย
ในทางกลับกัน หากเราเป็นผู้ที่ฝึกฝนร่างกายมาก ก็จะทำให้ร่างกายใช้เวลานาน กว่าที่จะเข้าสู่โหมด Anaerobic ( โหมดที่ "ไม่ใช้ออกซิเจน" )
การเข้าสู่โหมด Anaerobic ช้า หรือนานนั้น ก็หมายถึงว่า เรามีช่วง Aerobic ( โหมดที่ "ใช้ออกซิเจน" ) ที่นานขึ้น
การมีช่วง Aerobic ( โหมดที่ "ใช้ออกซิเจน" ) ที่นานขึ้น ย่อมหมายถึงการที่มีการเผาผลาญไขมันที่มากขึ้นนั่นเอง
นนั่นก็แปลว่า แม้ว่าจุดประสงค์ของคุณคือการต้องการลดไขมันอย่างเดียว แต่คุณก็ควรจะฝึกแบบ Anaerobic ร่วมด้วย เพราะการฝึกแบบ Anaerobic จะช่วยเพิ่มขีดจำกัดของกล้ามเนื้อไปอีกขั้นหนึ่ง เมื่อกล้ามเนื้อแข็งแรง เราก็จะออกกำลังกายได้นานขึ้น
- END -